- Details
- Category: บลจ.
- Published: Tuesday, 17 November 2015 22:37
- Hits: 2898
บลจ.กสิกรไทยเผยกองทุนบอนด์ยังน่าสนใจ เสิร์ฟกองทุนอายุ 6 เดือนขายต่อเนื่อง ชูโอกาสล็อกผลตอบแทน 2.00% ต่อปี เสนอขาย 17-23 พ.ย.นี้
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ระดับต่ำถึงปานกลาง บริษัทจึงได้เปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อตอบสนองผู้ลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทน รวมถึงลูกค้ากลุ่มเดิมที่มีกองทุนครบกำหนดอายุและยังต้องการลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ต่อเนื่อง โดยในระหว่างวันที่ 17-23 พฤศจิกายน 2558 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีอี (KEFF6MCE) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.00% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
“ในภาวะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงมีความผันผวนต่อเนื่อง สำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ไม่มากนักและต้องการแหล่งพักเงินเพื่อรอดูจังหวะการลงทุน รวมถึงผู้ที่ต้องการจัดสรรสัดส่วนการลงทุนโดยกระจายความเสี่ยงมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ กองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการถือว่าเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ เนื่องจากยังคงให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่สูงกว่าเงินฝากประจำ โดยกองทุนตราสารหนี้อายุ 6 เดือนที่บลจ.กสิกรไทยเปิดเสนอขายในสัปดาห์นี้ เสนอโอกาสรับผลตอบแทนอยู่ที่ 2.00% ขณะที่ผลตอบแทนจากเงินฝากธนาคารพาณิชย์ปัจจุบันให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 1.60%-1.80%” นายชัชชัยกล่าว
นายชัชชัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับมุมมองภาวะตลาดตราสารหนี้ในประเทศ บลจ.กสิกรไทยมองว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2559 โดยการคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นระดับที่เหมาะสมซึ่งจะช่วยสนันสนุนเศรษฐกิจไทยในช่วงที่อยู่ในภาวะของการฟื้นตัวนี้ ขณะที่ปัจจัยภายนอกประเทศจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ตลาดส่วนใหญ่มองว่าสหรัฐฯมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเดือนธันวาคมปีนี้ และคาดว่าจะปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงส่งผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้ไทยค่อนข้างจำกัด และหากสหรัฐฯปรับดอกเบี้ยขึ้นจริง ก็ถือว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยของไทย
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของบลจ.กสิกรไทย
นายชัชชัยกล่าวถึงรายละเอียดของกองทุนต่อไปว่า สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีอี (KEFF6MCE) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก Union National Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์, ตราสารหนี้ Isbank, ประเทศตุรกี, ตราสารหนี้ T.C. Ziraat Bankasi A.S., ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ Agricultural Bank of China โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
สำหรับ ผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน KEFF6MCE สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุน KEFF6MCE ได้ที่ www.kasikornasset.com หรือ บลจ.กสิกรไทย หรือธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือขอข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลที่เสนอขายกองทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุน KEFF6MCE มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนในสกุลเงินของหลักทรัพย์ที่ลงทุน ทั้งนี้กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน