- Details
- Category: บลจ.
- Published: Wednesday, 05 August 2015 23:55
- Hits: 12134
ตลาดหุ้นผันผวนจับกลุ่มนักลงทุนพักเงิน KTAM ขาย 2 กองทุนตราสารหนี้ชูยิลด์ 1.95%
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นผันผวน นักลงทุนบางกลุ่มต้องการพักเงิน บริษัทจึงเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ให้เป็นทางเลือก ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ เอ็นแฮนซ์ 27 ( KTFFE27 ) อายุโครงการ 6 เดือน และ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ เอ็นแฮนซ์ 28 ( KTFFE28 ) อายุโครงการ 3 เดือน เสนอขายวันที่ 5-11 สิงหาคม 2558 ผ่านสาขาธนาคารกรุงไทย ทั่วประเทศ
โดยกองทุน KTFFE27 เน้นลงทุนใน MTN ที่ออกโดย Banco Santander (Brasil ) S.A., ออกโดย Banco Latinoamericano de Comercio Exterior S.A., ออกโดย Turkiye Vakiflar Bankasi TAO , เงินฝากประจำ PT Bank Rakyat Indonesia ( PERSERO) Tbk และเงินฝากประจำ Yapi ve Kredi Bankasi A.S. ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 20 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผลตอบแทนประมาณ 1.95 % ต่อปี
ส่วนกองทุน KTFFE28 เน้นลงทุนใน MTN ที่ออกโดย Banco Santander (Brasil) S.A., ออกโดย Turkiye Vakiflar Bankasi TAO , เงินฝากประจำ Bank of China ( Macau ) และเงินฝากประจำ Yapi ve Kredi Bankasi A.S. ในสัดส่วน 85% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงินของบมจ. บัตรกรุงไทย ผลตอบแทนประมาณ 1.75% ต่อปี โดยทั้ง2กองทุน บุคคลธรรมดา ผลตอบแทนไม่เสียภาษี
สำหรับ ผลตอบแทนตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวขึ้น ลงในช่วงแคบๆ จากการที่ตลาดขาดปัจจัยใหม่ๆ โดยตราสารหนี้ระยะสั้นกว่า 1 ปี อัตราผลตอบแทนมีการปรับตัวลดลงตามความคาดหวัง ว่า อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกรอบ ในขณะที่ตราสารหนี้อายุมากกว่า 1 ปี อัตราผลตอบแทนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนในประเทศที่มองว่าอัตราผลตอบแทนอยู่ในระดับต่ำเกินไปและนักลงทุนต่างประเทศที่ต้องการลดความเสี่ยงจากการที่เงินบาทมีการอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วและหากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกรอบก็อาจทำให้เงินบาทยิ่งอ่อนค่าลงไปอีก สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็นตัวเลขเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคม ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการเคลื่อนไหวของตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ
ทางด้านอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา อายุน้อยกว่า 1 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ( Fed ) ระบุว่า Fed พร้อมที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ภายในปีนี้เมื่อตลาดแรงงานและเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่เหมาะสม ในขณะที่พันธบัตรอายุคงเหลือตั้งแต่ 2 ปี ขึ้นไปอัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงจากความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยจากความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของราคาหุ้น ประกอบกับการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้ออาจชะลอตัวหลังตัวเลขดัชนีราคาค่าจ้างแรงงาน ( Employment Cost Index ) ไตรมาส 2 ออกมาต่ำกว่าคาดและต่ำสุดในรอบ 33 ปี โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง -3 bps. มาอยู่ที่ 0.67% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง -10 bps. มาอยู่ที่ 1.54% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง -7 bps.มาอยู่ที่ 2.20% ต่อปี สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็น ตัวเลขการจ้างงาน และทิศทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลต่อความผันผวนของตลาดและต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ / สำนักประชาสัมพันธ์
คุณแสงสิริ เนตรอัมพร / คุณธันย์ชนก อนุศาสตร์ โทรศัพท์ 0-2686-6206-7 / 082-082-2121
คุณสงกรานต์ กันแก้ว ที่ปรึกษาด้านงานประชาสัมพันธ์ บริษัท คิธ แอนด์ คิน คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทรศัพท์ 081-455-2111