- Details
- Category: บลจ.
- Published: Wednesday, 13 May 2015 22:18
- Hits: 2067
บลจ.เมย์แบงก์ เปิดขายกองทุนโกลบอล แอบโซลูท รีเทิร์น M-GARS วันที่ 18 พ.ค.- 3 มิ.ย.นี้ ให้โอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนทั่วโลก
บลจ.เมย์แบงก์ เสนอขายกองทุน โกลบอล แอบโซลูท รีเทิร์น (Maybank Global Absolute Return Strategy Fund: M-GARS) ลงทุนในกองทุนในกอง GARS ของ STANDARD LIFE INVESTMENT ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ สูงกว่าผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น แนะลงทุนต่างประเทศที่ยังดูดีกว่าตลาดหุ้นไทย
ดร.ตรีพล ภูมิวสนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนเมย์แบงก์ โกลบอล แอบโซลูท รีเทิร์น (Maybank Global Absolute Return Strategy Fund: M-GARS) มูลค่า 1,000 ล้านบาท ราคาต่อหน่วย 10 บาท โดยเสนอขายแก่ผู้ที่มีเงินลงทุนสูงขั้นต่ำ 500,000 บาทต่อราย ระหว่างวันที่ 18 พฤษภาคม – 3 มิถุนายน 2558 โดยกองทุนดังกล่าวจะเป็นกองทุน Feeder Fund ที่จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Global Absolute Return Strategy Fund (GARS) ของ STANDARD LIFE INVESTMENT เน้นกลุ่มนักลงทุนมีความสนใจลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งเป็นรูปแบบการลงทุนที่ บลจ.เมย์แบงก์มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว และเห็นโอกาสของการลงทุนในต่างประเทศที่จะให้ผลตอบแทนในระดับที่ดี
สำหรับ จุดเด่นของกองทุนหลัก Global Absolute Return Strategy Fund (GARS) คือเป็นกองทุน Multi-Asset และ Muti-Strategy ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ และการผสมผสานการลงทุนในแบบดั้งเดิมและแบบก้าวหน้าเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอภายใต้ความผันผวนที่เหมาะสม รวมไปถึงการจัดกลยุทธ์การลงทุนที่มีเป้าหมายผลตอบแทนที่ชัดเจนในระยะเวลาที่กำหนด และสิ่งที่สำคัญคือการบริหารความเสี่ยง จะเห็นได้ว่าความเสี่ยงของกองทุน (GARS) อยู่ในระดับต่ำ ใกล้เคียงกับการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว
ดร.ตรีพล กล่าวว่า บริษัทคาดว่า กองทุน M-GARS จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนไปยังต่างประเทศมากขึ้น อีกทั้งกองทุน GARS ที่ทางบริษัทเลือกเข้าไปลงทุนนั้น เป็นกองทุนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และเน้นการให้ผลตอบแทนที่ดี สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น และในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ มีสินทรัพย์อยู่ที่ 12.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นประมาณ 10.5 พันล้านเหรียญสหรัฐจากสินทรัพย์ ณ สิ้นปี 2557
สำหรับ ทิศทางการลงทุนในต่างประเทศ ทางบลจ.เมย์แบงก์ ยังเชื่อมั่นว่าการลงทุนในต่างประเทศน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนในประเทศญี่ปุ่น ยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตามยังมีความกังวลเรื่องค่าเงินของยุโรปและญี่ปุ่น ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐน่าจะเริ่มฟื้นตัวและตัวเลขอัตราการว่างงานน่าจะลดลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดโดยรวม
ส่วนตลาดหุ้นไทยนั้น มองว่ายังคงมีความเสี่ยงในด้านผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่มีการปรับตัวลดลงตามเศรษฐกิจโลก และกำลังซื้อของคนไทยเริ่มลดลง ประกอบการการใช้จ่ายภาครัฐในการลงทุนต่างๆยังมีความล่าช้า เมื่อเทียบกับผลตอบแทนของตลาดหุ้นในภูมิภาค ซึ่งสะท้อนความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามหากมีความชัดเจนในเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และราคาน้ำมันมีเสถียรภาพมากขึ้น ตลาดหุ้นไทยน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นได้ โดยปีนี้ บลจ.เมย์แบงก์ ให้เป้าหมายดัชนี SET อยู่ที่ระดับ 1,620 – 1,650 จุด
ดร.ตรีพล กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ คาดว่าจะมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยหลังจากการเสนอขายกองทุน กองทุนเมย์แบงก์ โกลบอล แอบโซลูท รีเทิร์น (Maybank Global Absolute Return Strategy Fund: M-GARS) แล้ว ในปีนี้คาดว่าจะเสนอขายกองทุนอีกประมาณ 5 กองทุน เช่นกองทุนตราสารทุนในประเทศ กองทุนตราสารทุนต่างประเทศ กองทุน ETF รวมไปถึงกองทุนรวมหุ้นระยะยาว และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ โดยบริษัทยังให้ความสำคัญกับรูปแบบการลงทุนที่มีความหลากหลายและโดดเด่น เหมาะสมกับสถานการณ์การลงทุนในช่วงเวลาต่างๆ เพื่อให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีและเหมาะสม
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
บลจ.เมย์แบงก์ เผย AUM ช่วง 4 เดือนแรกปี 58 อยู่ที่ 1.1 พันลบ. ย้ำเป้าทั้งปีอยู่ที่ 6 พันลบ.
บลจ.เมย์แบงก์ เผย AUM ช่วง 4 เดือนแรกปี 58 อยู่ที่ 1.1 พันลบ. ย้ำเป้าทั้งปีอยู่ที่ 6 พันลบ. พร้อมจะออกกองทุนในปีนี้อีก 5 กอง แย้มมี 2 กองทุนมูลค่า 1 พันลบ. เตรียมเปิดขายภายใน 2 เดือนนี้ มองผลตอบแทนหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่ 25% หากโครงการรัฐฯเดินหน้าตามแผน แต่หากสะดุดจะกด SET ลงแตะ 1,450 จุด แนะลงทุนหุ้นพลังงานระยะสั้น หลังความต้องการน้ำมันในตปท.พุ่ง แต่ให้เลี่ยงกลุ่มแบงก์หากโครงการรัฐไม่เดินหน้า
ดร.ตรีพล ภูมิวสนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2558 อยู่ที่ระดับ 1,100 ล้านบาท โดยเป้าหมายทั้งปีมองไว้ที่ 6,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในช่วง 4 เดือนแรกที่ยังอยู่ในระดับต่ำ เพราะยังไม่มีรายได้ในส่วน Private Fund เข้ามามาก ทั้งนี้ในช่วงเดือนพ.ค. เริ่มมี AUM เพิ่มขึ้นมาอีกประมาณ 1,200-1,300 ล้านบาทแล้ว
สำหรับ ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทฯ เตรียมออกกองทุนอีก 5 กอง ซึ่งมี 2 กองนั้นเตรียมออกภายใน 2 เดือนนี้ โดยมีมูลค่ากองละ 1,000 ล้านบาท โดยกองแรกจะเป็นประเภท Bond High Yield Fund ซึ่งเป็นการลงทุนในตลาดต่างประเทศ และกองที่ 2 คือลักษณะกองทุนประเภทกระจายความเสี่ยงไปแหล่งลงทุนต่างๆ ส่วนกองที่ 3 จะเป็นประเภท RMF โดยจะร่วมมือกับธนาคารกรุงศรี เพื่อเสริมสร้างฐานให้แข็งแกร่ง โดยคาดว่าน่าจะออกปลายปี และอีก 2 กองยังอยู่ระหว่างการพูดคุย ซึ่งต้องรอดูปัจจัยการลงทุนอื่นๆ ประกอบกัน ทั้งภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงกฎเกณฑ์การปลดล็อคบางอย่างจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ด้านบัญชีในปัจจุบันมีบัญชีลูกค้าที่ Active ประมาณ 1,100 บัญชี
ด้านเป้าหมายผลตอบแทนหุ้นไทย (Earning Growth) ของ SET ในปีนี้ มองไว้ที่โต 25% จากปีก่อนติดลบ ซึ่งหากภาพรวมของเศรษฐกิจดีขึ้น และโครงการจากรัฐบาลเดินหน้าต่อจะสนับสนุนให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงแตะระดับ 1,620-1,650 จุด อย่างไรก็ตามในทางกลับกันหากภาพรวมของโครงการพื้นฐานในประเทศไม่เดินหน้าหรือล่าช้ากว่าที่คาด โอกาสกดดันให้ SET ปรับตัวลดลงร่วงแตะ 1,450 จุด
"Growth ของ SET ปีนี้มองเป็นบวก 25% จากปีก่อนติดลบ แต่ทั้งนี้ต้องรอดูความชัดเจนเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆด้วย ว่าจะดำเนินการได้เร็วแค่ไหน รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจ อาทิ order export ว่าจะมีออเดอร์เข้ามามากน้อยแค่ไหน ซึ่งในช่วงไตรมาส 2-3 คงจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นและจะสะท้อนภาพรวมของเศรษฐกิจไทยได้ชัดเจน ซึ่งจุดนี้หากออกมาดี จะส่งผลให้ SET ปรับตัวถึงเป้าหมาย 1,620-1,650 จุดได้"ดร.ตรีพล กล่าว
สำหรับ การลงทุนในตลาดต่างประเทศ บริษัทฯยังเน้นลงทุนในตลาดต่างประเทศ เพราะมองว่าได้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น ยุโรป หรือสหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ตามยังมีความกังวลเรื่องค่าเงินของยุโรป และญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะเริ่มฟื้นตัว และอัตราตัวเลขการว่างงานน่าจะลดลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดโดยรวม
ด้านกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นตลาดหุ้นไทย ยังมองหุ้นในกลุ่มพลังงานมีความน่าสนใจ เนื่องจากมองว่าในช่วงฤดูร้อนนี้ ประเทศสหรัฐฯ และยุโรป น่าจะมีความต้องการด้านน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อใช้ในช่วงฤดูร้อน อาทิ การขับรถไปเที่ยว แต่อย่างไรก็ตามหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังไม่แนะนำในระยะสั้น เพราะมองภาพรวมโครงการโครงสร้างพื้นฐานของไทยยังไม่คืบหน้าให้เห็นอย่างชัดเจน ส่วนการลงทุนระยะยาวยังคงแนะนำหุ้นในกลุ่มคอนซูเมอร์, อิเล็กทรอนิกส์ และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการที่ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต เนื่องจากมองว่าในระยะยาวเศรษฐกิจยังมีโอกาสฟื้นตัว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันที่ 18 พ.ค. - 3 มิ.ย. นี้ บลจ.เมย์แบงก์ เตรียมออกกองทุนโกลบอล แอพโซลูท รีเทิร์น (Maybank Global Absolute Return Strategy Fund : M-GARS) ลงทุนในกองทุน M-GARS ของ Standard Life Investment ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ โดยมีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ราคาต่อหน่วย 10 บาท เสนอขายแก่ผู้มีเงินลงทุนสูงขั้นต่ำ 500,000 บาทต่อราย โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุน Feeder Fund ซึ่งกองทุนนี้จากสถิติที่ผ่านมาให้ผลตอบแทน 7.7% ต่อปี
โดยการลงทุนจะกระจายไปยัง Multi Asset ได้แก่ ตราสารหนี้ ตราสารทุน Reits อัตราแลกเปลี่ยนตราสารอนุพันธ์ รวมถึงลงทุนใน Multi-Strategy คือการลงทุนแบบดั้งเดิม ผสมกับการลงทุนแบบก้าวหน้า
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
บลจ.เมย์แบงก์ฯออกอีก 5 กองทุนดัน AUM ปีนี้ 6 พันลบ.เปิดขายโกลบอล แอบโซลูท รีเทิร์น
นายตรีพล ภูมิวสนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ คาดว่าจะมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ประมาณ 6,000 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะเสนอขายกองทุนอีกประมาณ 5 กองทุน ทั้งกองทุนตราสารทุนในประเทศ กองทุนตราสารทุนต่างประเทศ กองทุน ETF รวมไปถึงกองทุนรวมหุ้นระยะยาว และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ บริษัทยังให้ความสำคัญกับรูปแบบการลงทุนที่มีความหลากหลายและโดดเด่น เหมาะสมกับสถานการณ์การลงทุนในช่วงเวลาต่างๆ เพื่อให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีและเหมาะสม
ล่าสุด บริษัทเสนอขายกองทุน กองทุนเมย์แบงก์ โกลบอล แอบโซลูท รีเทิร์น (Maybank Global Absolute Return Strategy Fund: M-GARS) มูลค่า 1,000 ล้านบาท ราคาต่อหน่วย 10 บาท เสนอขายแก่ผู้ที่มีเงินลงทุนสูงขั้นต่ำ 500,000 บาทต่อราย ระหว่างวันที่ 18 พฤษภาคม – 3 มิถุนายน 2558 โดยกองทุนดังกล่าวจะเป็นกองทุน Feeder Fund ที่จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Global Absolute Return Strategy Fund (GARS) ของ STANDARD LIFE INVESTMENT เน้นกลุ่มนักลงทุนมีความสนใจลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งเป็นรูปแบบการลงทุนที่ บลจ.เมย์แบงก์มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว และเห็นโอกาสของการลงทุนในต่างประเทศที่จะให้ผลตอบแทนในระดับที่ดี
สำหรับ จุดเด่นของกองทุนหลัก Global Absolute Return Strategy Fund (GARS) คือเป็นกองทุน Multi-Asset และ Muti-Strategy ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ และการผสมผสานการลงทุนในแบบดั้งเดิมและแบบก้าวหน้าเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอภายใต้ความผันผวนที่เหมาะสม รวมไปถึงการจัดกลยุทธ์การลงทุนที่มีเป้าหมายผลตอบแทนที่ชัดเจนในระยะเวลาที่กำหนด และสิ่งที่สำคัญคือการบริหารความเสี่ยง จะเห็นได้ว่าความเสี่ยงของกองทุน (GARS) อยู่ในระดับต่ำ ใกล้เคียงกับการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว
บริษัทคาดว่ากองทุน M-GARS จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนไปยังต่างประเทศมากขึ้น อีกทั้งกองทุน GARS ที่ทางบริษัทเลือกเข้าไปลงทุนนั้น เป็นกองทุนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และเน้นการให้ผลตอบแทนที่ดี สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น และในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ มีสินทรัพย์อยู่ที่ 12.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นประมาณ 10.5 พันล้านเหรียญสหรัฐจากสินทรัพย์ ณ สิ้นปี 2557
สำหรับ ทิศทางการลงทุนในต่างประเทศ ทางบลจ.เมย์แบงก์ ยังเชื่อมั่นว่าการลงทุนในต่างประเทศน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนในประเทศญี่ปุ่น ยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตามยังมีความกังวลเรื่องค่าเงินของยุโรปและญี่ปุ่น ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐน่าจะเริ่มฟื้นตัวและตัวเลขอัตราการว่างงานน่าจะลดลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดโดยรวม
ส่วนตลาดหุ้นไทยยังคงมีความเสี่ยงในด้านผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่มีการปรับตัวลดลงตามเศรษฐกิจโลก และกำลังซื้อของคนไทยเริ่มลดลง ประกอบการการใช้จ่ายภาครัฐในการลงทุนต่างๆยังมีความล่าช้า เมื่อเทียบกับผลตอบแทนของตลาดหุ้นในภูมิภาค ซึ่งสะท้อนความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามหากมีความชัดเจนในเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และราคาน้ำมันมีเสถียรภาพมากขึ้น ตลาดหุ้นไทยน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นได้ โดยปีนี้ บลจ.เมย์แบงก์ ให้เป้าหมายดัชนี SET อยู่ที่ระดับ 1,620 – 1,650 จุด
อินโฟเควสท์