- Details
- Category: บลจ.
- Published: Tuesday, 28 April 2015 22:55
- Hits: 1927
บลจ.กสิกรไทย ส่งกองทุนบอนด์ไฮยิลด์ อายุ 6 เดือน ชูโอกาสรับผลตอบแทน 2.40% ต่อปี เสนอขาย 29 เม.ย. – 6 พ.ค.นี้
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ระดับต่ำถึงปานกลาง และต้องการพักเงินเพื่อรอดูจังหวะการลงทุนในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน บริษัทจึงได้เปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุน รวมถึงลูกค้ากลุ่มเดิมที่มีกองทุนครบกำหนดอายุและยังต้องการลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ต่อเนื่อง โดยในระหว่างวันที่ 29 เมษายน - 6 พฤษภาคม 2558 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีซี (KEFF6MBC) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.40% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของบลจ.กสิกรไทย
นายชัชชัยกล่าวถึงรายละเอียดของกองทุนต่อไปว่า สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีซี (KEFF6MBC) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี, เงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า, ตราสารหนี้ VakifBank, ประเทศตุรกี, ตราสารหนี้ Banco Santander (Brasil) S.A. และตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., ประเทศบราซิล โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
ด้านภาวะตลาดตราสารหนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นายชัชชัยกล่าวว่า “อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยโดยเฉพาะพันธบัตรระยะยาวปรับตัวลดลง เนื่องจากตลาดหุ้นไทยที่มีความผันผวนในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในพันธบัตรไทยเพิ่มขึ้น และกดดันอัตราผลตอบแทนให้ปรับตัวลงมา โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 29 เมษายนนี้ ซึ่งตลาดส่วนใหญ่คาดว่ากนง. น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิมที่ 1.75% หลังจากเพิ่งปรับลดลงมาในเดือนที่ผ่านมา ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์ที่ผ่านมาออกมาดี ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นและมีแรงขายตราสารหนี้ออกมา และผลักดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้น”
สำหรับ ผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน KEFF6MBC สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com