- Details
- Category: บลจ.
- Published: Saturday, 21 March 2015 18:48
- Hits: 2154
KSAM ตั้งเป้าเอยูเอ็ม 3.3 แสนล้าน พร้อมมุ่งมั่นให้ความรู้และคำแนะนำการลงทุนผ่านงานสัมมนาลงทุนอย่างไรให้ได้ 100 ล้าน
บลจ.กรุงศรี ตั้งเป้าเพิ่มเอยูเอ็ม 22% พร้อมขยายฐานลูกค้าผ่านเครือข่ายธนาคารกรุงศรี ควบคู่ไปกับการให้ความรู้และคำแนะนำการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)กรุงศรี เปิดเผยว่า “สำหรับทิศทางธุรกิจของบริษัทในปี 2558 บริษัทตั้งเป้ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ที่ 3.3 แสนล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 22% จากสิ้นปี 2557 ที่อยู่ระดับ 2.7 แสนล้านบาท โดยแผนการดำเนินงานในปีนี้จะมุ่งเน้นการขยายลูกค้าผ่านเครือข่ายสาขาธนาคารกรุงศรี 654 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังคงศึกษาและแสวงหาโอกาสและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าสามารถจัดสรรการลงทุนที่เหมาะสมกับทุกสภาวะการลงทุน และมุ่งมั่นรักษาคุณภาพของกระบวนการลงทุน และการบริหารจัดการกองทุนให้มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอ”
“จากการที่ บลจ.กรุงศรี ให้ความสำคัญกับหลักการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้กับผู้ลงทุน บริษัทจึงมุ่งมั่นในการให้ความรู้และคำแนะนำด้านการวางแผนการเงินให้กับลูกค้าและบุคคลทั่วไปมากว่า 6 ปีผ่านงานสัมมนา'ลงทุนอย่างไรให้ได้ 100 ล้านอย่างง่าย' ซึ่งประกอบด้วยหลักสูตรสัมมนา 6 ภาค พร้อม Workshop รวมถึงการจัดพอร์ตการลงทุนรายบุคคล เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนระยะยาวและจัดสรรเงินลงทุนได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลงทุนและได้รับผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว”
“งานสัมมนา 'ลงทุนอย่างไรให้ได้ 100 ล้านอย่างง่ายๆ' ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนผู้เข้าร่วมสัมมนาแล้วกว่า 9,000 ราย ทั้งนี้ จากข้อมูลทางสถิติพบว่าการเข้าร่วมงานสัมมนาดังกล่าวช่วยให้ผู้ลงทุนมีผลลัพธ์ทางการเงินที่ดี ดังเห็นได้จากมูลค่าพอร์ตการลงทุนเฉลี่ยของกลุ่มลูกค้าที่เข้าสัมมนาและรับบริการวางแผนการลงทุนจะสูงกว่ากลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้เข้าร่วมงานสัมมนาดังกล่าว”
“สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2557 ที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จและมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่อันดับที่ 6 ของอุตสาหกรรม และทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารโดยรวมเติบโต 37% ในขณะที่อุตสาหกรรมมีการเติบโต 20%”
“ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของ บลจ.กรุงศรี ในปีที่ผ่านมา ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล (KFSDIV)ที่เป็นกองทุนหุ้นทั่วไปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม และกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล (KFLTFDIV) ที่มีขนาดกองทุนที่สุดในกลุ่มกองทุน LTF เนื่องจากมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้มีเงินลงทุนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ภาพรวมของกองทุนหุ้น กองทุน LTF และกองทุนตราสารหนี้ มีการเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมแบบก้าวกระโดด โดยกองทุนหุ้นมีอัตราการเติบโต 50% ในขณะที่อุตสาหกรรมมีการเติบโต 34% กองทุน LTF มีอัตราการเติบโต 51% ในขณะที่อุตสาหกรรมมีการเติบโต 27% กองทุนตราสารหนี้ มีอัตราการเติบโต 48% ในขณะที่อุตสาหกรรมมีการเติบโต 22%
นอกจากนี้ บริษัทยังมีจำนวนบัญชีลูกค้าใหม่เพิ่มสูงขึ้น 31% สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความไว้วางใจที่ผู้ลงทุนมอบให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บลจ.กรุงศรี มุ่งมั่นที่จะรักษาผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้ผู้ลงทุนเพื่อสร้างผลประโยชน์ที่สูงสุดแก่ผู้ลงทุนเป็นสำคัญ”
ทางด้านนายไบรอัน ตัน ผู้บริหารระดับสูงของเจพีมอร์แกน แอสเสทแมเนจเมนต์ กล่าวว่า "ทางเจพีมอร์แกน แอสเสทแมเนจเมนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทจัดการลงทุนระดับโลก รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับบลจ. กรุงศรี ในการเพิ่มโอกาสการลงทุนในต่างประเทศให้แก่นักลงทุนไทยผ่านกองทุนที่จดทะเบียนในประเทศไทยและนำเงินไปลงทุนในกองทุนของเจพีมอร์แกนที่มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ซึ่งทางเราเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่นักลงทุนในด้านการกระจายการลงทุนและสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอให้แก่นักลงทุน เนื่องจากในสถานการณ์ปัจจุบันที่การขยายตัวของเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันอย่างมาก ดังนั้น การกระจายการลงทุนและการบริหารการลงทุนที่มีความยืดหยุ่นมีความสำคัญอย่างยิ่ง”
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า “สำหรับเศรษฐกิจไทย ปี 2558 ภาคการส่งออกยังคงอยู่ในช่วงที่ต้องปรับตัวรับกับความต้องการสินค้าในตลาดโลกที่เปลี่ยนไป อย่างเช่นฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่ตอนนี้ความต้องการในตลาดโลกลดลง เนื่องจากผู้บริโภคหันไปใช้แท็ปเล็ตแทนคอมพิวเตอร์ แต่การส่งออกรถยนต์น่าจะดีขึ้น เพราะราคาน้ำมันที่ลดลงมีผลให้ยอดขายรถยต์ในหลายๆประเทศโตในระดับเกิน 10% ทั้งนี้ บลจ.กรุงศรี คาดว่ายอดส่งออกจะขยายตัวในระดับต่ำมาก เพราะนอกจากปัจจัยที่กล่าวไปแล้ว ยังมีเรื่องของการย้ายฐานการผลิต และการถูกตัด GSP สำหรับการบริโภคภายในประเทศคาดว่าจะยังคงอ่อนแอ เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรอยู่ในระดับต่ำ และหนี้ภาคครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลให้ธนาคารต่างๆมีความเข้มงวดในการปล่อยกู้มากขึ้น นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังกังวลเกี่ยวกับรายจ่ายในอนาคต ในส่วนของการลงทุนของภาคเอกชน ยังคงรอดูความชัดเจนจากภาครัฐ ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่จะเริ่มได้เมื่อไหร่ ส่งผลให้แรงกระตุ้นจากภาครัฐยังไม่พอที่จะช่วยผลักดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในเร็วๆนี้”
“เมื่อมองในภาพรวมแล้ว คาดว่าบรรยากาศเศรษฐกิจในปีนี้จะยังคงดูไม่สดใสนัก เพราะปัจจัยขับเคลื่อนหลักทั้งการส่งออก และการอุปโภคบริโภคภายในประเทศอ่อนแอ ในขณะที่การลงทุนของภาครัฐ ซึ่งรัฐบาลหวังว่าจะให้เป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้ ยังคงต้องรอระยะเวลาพอสมควรจึงจะเห็นผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ ดังจะเห็นได้จากผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินล่าสุดมีมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 1.75% จากระดับ 2.0% เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่น”
“สำหรับทิศทางการลงทุนที่น่าสนใจในปีนี้ คาดว่าการลงทุนในตลาดตราสารทุนยังคงสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ และสภาพคล่องยังอยู่ในระดับสูง จากการอัดฉีดเม็ดเงินจากธนาคารกลางขนาดใหญ่ โดยภูมิภาคที่จะได้อานิสงค์จากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในขณะนี้ ได้แก่ ยุโรป และญี่ปุ่น โดยกองทุนแนะนำของ บลจ.กรุงศรี ได้แก่ กอง KF-HEUROPE และ กอง KF-HJAPAND”นายประภาส กล่าว
สอบถามรายละเอียดข้อมูลกองทุนพิ่มเติม และขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.กรุงศรี จำกัด โทร. 02-657-5757
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุนได้ที่เวปไซด์บริษัทจัดการ www.krungsriasset.com เอกสารที่เกี่ยวกับกองทุนและคู่มือภาษี ได้ที่บริษัทจัดการหรือสำนักงานของผู้สนับสนุนการขายก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต