- Details
- Category: บลจ.
- Published: Friday, 13 March 2015 22:33
- Hits: 1961
บลจ.กสิกรไทย หอบเงินกว่า 572 ล้านบาท จ่ายปันผลกองทุนต่างประเทศ 3 กองทุน กองทุน K-USXNDQ โชว์ฟอร์มสุดยอด จ่ายปันผลงามกว่า 25% ต่อปี เผยเศรษฐกิจสหรัฐฯ- จีน ยังเติบโตต่อเนื่อง
นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ. กสิกรไทย เตรียมจ่ายปันผลกองทุนต่างประเทศจำนวน 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค โกลบอล แอลโลเคชั่น (K-GA) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2557 - 28 กุมภาพันธ์ 2558 โดยจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.15 บาทต่อหน่วย, กองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100 (K-USXNDQ) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2557 - 28 กุมภาพันธ์ 2558 โดยจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดเค ไชน่า หุ้นทุน (K-CHINA) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2557 - 28 กุมภาพันธ์ 2558 โดยจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย โดยทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น. ของวันที่ 2 มีนาคม 2558 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 13 มีนาคม 2558 นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้นกว่า 572 ล้านบาท
นายนาวิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในรอบบัญชีที่ผ่านมา (1 มิ.ย 2557 -28 ก.พ. 2558) กองทุน K-GA มีการจ่ายเงินปันผลแล้วจำนวน 2 ครั้ง รวมทั้งสิ้นเป็นอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยประมาณ 4.95% ต่อปี โดยที่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในช่วงนี้ แม้ยังคงมีปัจจัยที่กดดันบรรยากาศการลงทุนอย่างต่อเนื่อง อาทิ แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ สถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง และปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับต่ำ จึงอาจทำให้ภาพรวมของการลงทุนในปี 2558 มีความผันผวน อย่างไรก็ตาม กองทุน K-GA ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่นโยบายกระจายการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ในตลาดทั่วโลก และมีการปรับสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด จึงทำให้กองทุนยังคงสร้างผลดำเนินงานอยู่ในเกณฑ์ที่ดีได้ แม้กระทั่งในช่วงภาวะที่ตลาดมีความผันผวน ดังนั้นสำหรับผู้ลงทุนที่ไม่ได้ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด กองทุน K-GA จึงถือว่ายังให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับความเสี่ยงของกองทุนในระดับปานกลาง นอกจากนี้ผู้ลงทุนยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลด้วย
ด้านมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา นายนาวินกล่าวว่า จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ได้ตัดสินใจหยุดมาตรการ QE ลงเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการเติบโตอย่างมั่นคง และส่งผลให้ดัชนีหุ้นปรับตัวทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะดัชนี Nasdaq ที่มีการปรับตัวขึ้นกว่า 20% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี จากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีโอกาสเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง IMF ได้คาดการณ์จีดีพีเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปี 2558 ว่าจะสามารถขยายตัวได้ถึง 3.60% บลจ.กสิกรไทย จึงยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยให้คำแนะนำสำหรับผู้ลงทุนที่มีการจับจังหวะการลงทุนด้วยตนเองและได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมีความต้องการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจอาศัยจังหวะที่ดัชนีย่อตัวลงมา สามารถเข้าซื้อหน่วยลงทุนของกองทุน K-USXNDQ เพิ่มเติมเพื่อหาโอกาสทำกำไรได้ นอกจากนี้ผู้ลงทุนยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลด้วย ทั้งนี้ในรอบบัญชีที่ผ่านมา (1 มี.ค. 2557 -28 ก.พ. 2558) กองทุน K-USXNDQ มีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยจ่ายเงินปันผลแล้วจำนวน 4 ครั้ง รวมทั้งสิ้นเป็นอัตรา 3.00 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยถึง 25.02% ต่อปี
นายนาวิน กล่าวต่อไปว่า “ด้านผลดำเนินงานของกองทุน K-CHINA มีผลการดำเนินงานที่เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้อย่างต่อเนื่องทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยกองทุนหลัก Fidelity China Focus จะเน้นลงทุนในหุ้นจีนที่ได้รับประโยชน์จากแนวทางของภาครัฐที่เน้นการเติบโตจากการบริโภคภายในประเทศ อาทิ สินค้าอุปโภคบริโภค ประกัน ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2558 กองทุนให้ผลตอบแทนกว่า 6% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานที่ 5.6% และยังมีผลการดำเนินงานเป็นอันดับ1 โดยสามารถเอาชนะกองทุนหุ้นจีนทั้งหมดในอุตสาหกรรม (ที่มา : Morningstar® ณ วันที่ 27 ก.พ. 2558) ทั้งนี้สำหรับในรอบบัญชีที่ผ่านมา (1 ก.ย. 2557 -28 ก.พ. 2558) กองทุน K-CHINA มีการจ่ายเงินปันผลแล้วจำนวน 2 ครั้ง รวมทั้งสิ้นเป็นอัตรา 0.45 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยประมาณ 8.19% ต่อปี ด้านมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นจีน บลจ.กสิกรไทย ยังคงมีมุมมองเชิงบวกโดยเชื่อว่าตลาดหุ้นจีนยังคงมีแนวโน้มปรับตัวได้ดีในระยาว จากปัจจัยหนุนของนโยบายภาครัฐและธนาคารกลางจีน ที่มีการดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจีนให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าระดับราคาหุ้นจีนในช่วงปีที่ผ่านมาจะปรับตัวขึ้นมาพอสมควร แต่ระดับราคาหุ้นปัจจุบันยังค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับในอดีต โดยดัชนี A-Share มีอัตราส่วน P/E ประมาณ 12.7 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 16.1 เท่า และดัชนี H-Share มีอัตราส่วน P/E ประมาณ 8.1 เท่า เทียบค่าเฉลี่ย10 ปีที่ 11.5 เท่า (ที่มา Bloomberg 3 มี.ค. 2558) ดังนั้นอัตราผลกำไรจึงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นได้ในอนาคต”
ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุน K-GA, กองทุน K-USXNDQ และกองทุน K-CHINA สามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือติดต่อ KAsset Contact Center 02673 3888