- Details
- Category: บลจ.
- Published: Tuesday, 10 June 2014 22:00
- Hits: 3284
บลจ.กสิกรไทย เสนอขายกองทุนบอนด์ 3-6 เดือน ชูผลตอบแทน 2.60%
นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 10-16 มิถุนายน 2557 บลจ.กสิกรไทย จะเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน วาย (KEFF6MY) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.60% ต่อปี กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน ซีบี (KFI6MCB) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.50% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน อีจี (KFI3MEG) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.40% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
สำนักวิจัยเศรษฐกิจต่างๆ ในประเทศ ได้เริ่มปรับมุมมองอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมีมุมมองในเชิงบวกจากการคาดการณ์การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมถึงความสามารถในการควบคุมสถานการณ์การชุมนุมได้ดีขึ้น จึงช่วยลดความกังวลในสถานการณ์ทางการเมืองลงไปได้ อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ต้องจับตามองต่อไปคือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของคสช. ว่าจะมีแนวโน้มไปในทิศทางใด
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย คาดว่า จากการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.00% และคาดว่าจะยังทรงตัวต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวต่อไป ในขณะนี้แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงในช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนที่จะกลับมาทรงตัวอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติได้หันกลับเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทยอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองไทยที่เริ่มดีขึ้น รวมถึงกรณีที่ทางธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมา จึงอาจทำให้ผลตอบแทนของตราสารหนี้มีโอกาสแกว่งตัวได้ในช่วงระยะสั้น
ดังนั้น จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในระยะสั้น หรือควรลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทย ได้เสนอทางเลือกให้กับนักลงทุน โดยสามารถเลือกพักเงินกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการแน่นอน เพื่อล็อกผลตอบแทนที่น่าสนใจและสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำในปัจจุบัน โดยแนะนำให้ลงทุนกับกองทุนที่มีอายุโครงการตั้งแต่ 3-6 เดือนขึ้นไป
นางสาวยุพาวดี กล่าวต่อไปว่า สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน วาย (KEFF6MY) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China ร่วมด้วยตราสารหนี้ Isbank, ประเทศตุรกี ตราสารหนี้ ICBC (Asia) Ltd., ประเทศฮ่องกง และตราสารหนี้ Agricultural Bank of China โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศเพียงอย่างเดียว บลจ.กสิกรไทย ขอแนะนำกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน ซีบี (KFI6MCB) และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน อีจี (KFI3MEG) โดยกองทุน KFI6MCB เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China และตราสารหนี้ Agricultural Bank of China
นอกจากนี้ ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ด้านกองทุน KFI3MEG เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation และเงินฝาก Bank of China ด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) และธนาคารทิสโก้ โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท