- Details
- Category: บลจ.
- Published: Wednesday, 11 February 2015 23:03
- Hits: 2221
บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผล 3 กองทุนหุ้นกว่า 158 ล้านบาท ด้าน K-VALUE ปันผลงามเฉลี่ย 7.99% ต่อปี เผยหุ้นไทยยังไปต่อ มั่นใจได้เห็น SET Index ปลายปีที่ 1,700 จุด
นายพงศ์พิเชษฐ์ นานานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมหุ้น 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค หุ้นปันผล (K-VALUE) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2558 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดรวงข้าว 2 (RKF2) และกองทุนเปิดรวงข้าว 4 (RKF4) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2557 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2558 ในอัตรา 0.40 บาทต่อหน่วย และ 0.23 บาทต่อหน่วย ตามลำดับ โดยจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อในสมุดทะเบียนในเวลา 8.00 น.ของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558 กำหนดจ่ายเงินปันผลพร้อมกันในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2558 มูลค่าการจ่ายปันผลรวมกว่า 158 ล้านบาท
ด้านผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นที่มีการจ่ายปันผลในครั้งนี้ นายพงศ์พิเชษฐ์กล่าวว่า ยังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยเฉพาะกองทุน K-VALUE ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด* ทั้งนี้ด้านประวัติการจ่ายปันผลของกองทุน หากนับรวมการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ด้วย จะเห็นได้ว่าตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2538 เป็นต้นมา กองทุนมีการประกาศจ่ายเงินปันผลแล้ว 19 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 8.40 บาทต่อหน่วย โดยในรอบบัญชีที่ผ่านมา (1 ก.พ. 2557-31 ม.ค 2558) กองทุน K-VALUE มีการจ่ายปันผลแล้วจำนวน 2 ครั้ง มูลค่าจ่ายปันผลรวมทั้งสิ้น 0.63 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราจ่ายปันผลต่อปี (Dividend Yield) ที่ 7.99% ด้านกองทุน RKF2 และ RKF4 มีการจ่ายปันผลครั้งล่าสุดในช่วงเดือนสิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งหากนับรวมการจ่ายปันผลในครั้งนี้ด้วย จะคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาที่ 6.44% และ 6.32% ตามลำดับ
สำหรับ มุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไทย นายพงศ์พิเชษฐ์เปิดเผยว่า “จากตัวเลขคาดการณ์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินการเติบโตของจีดีพีปีนี้ ที่ระดับ 4.00% โดยมองว่าการส่งออกน่าจะเริ่มฟื้นตัว ขณะที่ประสิทธิภาพการเบิกจ่ายเงินของภาครัฐน่าจะใกล้เคียงกับเป้าหมายและช่วยหนุนจังหวะการลงทุนในปีนี้ ทั้งนี้ ปัจจัยบวกภายในประเทศที่ได้รับ จะมาจากเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงอย่างมากตั้งแต่ช่วงกลางปี 2557 ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยและกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์ในแง่ต้นทุนที่ลดลง ประกอบกับการเร่งดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และแผนการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาล หากดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในด้านการใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชน สำหรับปัจจัยจากต่างประเทศ จากการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางจีนที่มีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ยังคงส่งสัญญาณการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำอย่างน้อยจนถึงกลางปีนี้ จะส่งผลบวกต่อสภาพคล่องในตลาด อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ผลประกอบการการเติบโตของกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เคยประมาณไว้ที่ 14.50% อาจจะมีการปรับลง เนื่องจากราคาน้ำมันที่ต่ำซึ่งจะส่งผลต่อผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มพลังงาน
ทั้งนี้ แม้ว่าหุ้นในกลุ่มพลังงานจะได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่คาดว่าจะคงไม่ฟื้นตัวกลับเร็วนัก และอาจนำไปสู่การปรับลดประมาณการณ์ดังกล่าว แต่หุ้นในกลุ่มสื่อสารคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐในการผลักดันให้ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเข้าสู่นโยบายเศรษฐกิจยุคดิจิตอล (Digital Economy) ประกอบกับได้รับประโยชน์จากการประมูล 4G หากเกิดขึ้นในปีนี้ ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยยังมีมุมมองที่เป็นบวกต่อหุ้นไทย โดยมองเป้าดัชนีหุ้นที่ระดับประมาณ 1,700 จุด ในสิ้นปีนี้ ณ Forward PER ที่ 16 เท่า”
ผู้ลงทุนที่สนใจ สามารถลงทุนกับกองทุน K-VALUE กองทุน RKF2 และกองทุน RKF4 ได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 5,000 บาท โดยขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือwww.kasikornasset.com
*ค่าเฉลี่ยอัตราการจ่ายเงินปันผลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index Dividend Yield) อยู่ที่ 2.72% ต่อปี (ณ วันที่ 30 ม.ค. 2558)
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล นโยบายการลงทุน ความเสี่ยง และเอกสารเกี่ยวกับกองทุน K-VALUE กองทุน RKF2 และกองทุน RKF4 ได้ที่ www.kasikornasset.com หรือ บลจ.กสิกรไทย หรือธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือขอข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลที่เสนอขายกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต