- Details
- Category: บลจ.
- Published: Friday, 28 November 2014 22:17
- Hits: 2749
อเบอร์ดีนมองเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มเติบโตในปี 2558
เศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มเติบโตดีในปี 2558 หลังจากที่มีปัจจัยลบในปีนี้
คุณอดิเทพ วรรณพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน บลจ.อเบอร์ดีน กล่าว ในงานสัมมนา The Road Ahead…Asset Allocation & Market Outlook 2015 ณ โรงแรมเซนต์ รีจิส กรุงเทพ โดยบรรยายร่วมกับวิทยากรรับเชิญ คุณพีร์ ยงวณิชย์ กรรมการผู้จัดการ มอร์นิงสตาร์(ประแทศไทย)
สถานการณ์ปัจจุบันหลังการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล การเติบโตของภาคการส่งออกที่ชะลอตัว และเศรษฐกิจในประเทศที่ยังคงมีหนี้ภาคครัวเรือนในระดับสูง ตลอดจน จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง คุณอดิเทพจึงชี้ให้เห็นถึงการคาดการณ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยเศรษฐกิจน่าจะมีอัตราการเติบโตที่ประมาณร้อยละ 4.8 ในปี 2558 ซึ่งอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
สำหรับ ผลตอบแทนตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้ ปรับตัวขึ้นหลังจากที่ปรับลดลงร้อยละ 7 ในปี 2556 โดย ณ 21 พฤศจิกายน 2557 อัตราผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีของตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ร้อยละ 21 ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนตลาดหลักทรัพย์ของประเทศอื่นๆในภูมิภาค
นักลงทุนในประเทศโดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันกลับเข้ามาลงทุน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการคาดการณ์ในผลของกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่อาจปรับตัวสูงขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เช่นเดียวกับการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานนระยะยาว ขณะที่นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ยังคงขายสุทธิ
ปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อการปรับตัวขึ้นของตลาดหลักทรัพย์ในปีหน้าน่าจะมาจากระดับอัตราเงินเฟ้อที่เหมาะสม จากระดับราคาน้ำมันที่ต่ำ ดุลการค้าและดุลการชำระเงินที่เป็นบวกที่ส่งผลดีต่อค่าเงินบาท แม้ว่าค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯจะแข็งค่าขึ้น
ต้องยอมรับว่า การที่นักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้นมาจากการที่นักลงทุนมองหาผลตอบแทนที่ดี แต่ระดับราคาของตลาดหุ้นก็ไม่ได้อยู่ในระดับต่ำอีกต่อไป และอาจมีสภาพคล่องน้อยถ้าผลตอบแทนไม่เป็นที่น่าพอใจ
ในด้านบวก คุณอดิเทพ กล่าวถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ของหุ้นในประเทศที่มีคุณภาพดี และโดยรวมหุ้นในตลาดมีการจ่ายปันผลในอัตราที่เหมาะสม อเบอร์ดีนได้ทำการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัทที่มีรายได้ส่วนใหญ่มาจากในประเทศ โดยยังคงมองกระแสเงินสดและงบการเงินที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยหลักก่อนพิจารณาลงทุน
คุณอดิเทพ ยังกล่าวว่า “ตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้สะท้อนเศรษฐกิจที่แท้จริง เนื่องจากกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ในตลาดประกอบด้วยกลุ่มโทรคมนาคม อสังหาริมทรัพย์ และ พาณิชย์(รวมถึงกลุ่มการเงินการธนาคาร) ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้จะได้รับผลดี ถ้าต้นทุนการกู้ยืมในระดับต่ำจะกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย เนื่องจากมีระดับความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและของผู้บริโภคมากขึ้น”
คุณอดิเทพ สรุปว่า “สิ่งที่รัฐบาลจัดการเป็นมาตรการทางเศรษฐกิจที่สมเหตุสมผล ซึ่งเน้นในเรื่องการขยายฐานภาษีให้เหมาะสมมากขึ้นและเป็นธรรมโดยมีการเสนอการปรับขึ้นภาษีอสังหาริมทรัพย์และภาษีมรดกเป็นตัวอย่างในเรื่องดังกล่าว”
คุณอดิเทพ วรรณพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน บลจ. อเบอร์ดีน กล่าวเสริม“ประเทศไทยดูเหมือนว่าจะมีเหตุการณ์ที่เป็นปัจจัยลบ แต่เศรษฐกิจน่าจะสดใสมากขึ้นจากความแข็งแกร่ง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงไม่ชัดเจน และมีความเสี่ยงที่จะมีการถอนมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ (ซึ่งอาจมีผลต่อราคาหลักทรัพย์ทั่วโลก) และยังคงมีความเสี่ยงภายในประเทศถ้าไม่มีการใช้จ่ายตามที่กำหนดหรือคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ไทยก็ยังให้โอกาสในการลงทุนในบริษัทที่ดี เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย โดยตลาดหลักทรัพย์ไทยยังคงมีระดับราคาและมีการจ่ายปันผลอย่างสมเหตุสมผล และคาดว่าสุดท้ายแล้วนักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุน”