- Details
- Category: บลจ.
- Published: Thursday, 20 November 2014 19:34
- Hits: 2469
บลจ.ไทยพาณิชย์ เชื่อแบงก์ชาติหลายแห่งยังคงดบ.ระดับต่ำ หลังน้ำมันลง - เงินเฟ้อต่ำ ชี้เป็นจังหวะเหมาะลงทุน LTF-RMF ช่วงโค้งสุดท้ายของปี
นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัดเปิดเผยว่าในช่วงนี้ยังถือเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการทยอยลงทุนในกองทุนประเภทLTFและRMFเพื่อประหยัดภาษีซึ่งเหลือเวลาอีกแค่เพียงเดือนเศษๆโดยมองว่าตลาดมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นต่อได้ด้วยปัจจัยเสริมจากแรงซื้อ LTFระลอกสุดท้ายในช่วงเดือนธ.ค.อีกทั้งผลตอบแทนในตราสารหนี้ที่อยู่ในระดับต่ำยังคงเป็นแรงผลักดันตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงจะช่วยให้ธนาคารกลางทั่วโลกสามารถคงดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำต่อไปได้นานขึ้นเนื่องจากแรงกดดันจากเงินเฟ้อลดน้อยลง
สำหรับ ประเทศไทยเนื่องจากมีแรงกระตุ้นของการใช้จ่ายภาครัฐโดยเฉพาะโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ด้านการคมนาคมการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นหลังนโยบายภาครัฐที่มีความชัดเจนอีกทั้งราคาน้ำมันที่ปรับลดลงจะช่วยให้ดุลการค้าและจีดีพีเป็นบวกมากขึ้นขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยของไทยอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำที่ 2%จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปได้
นายสมิทธ์ กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTFและกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้คงเน้นที่สัดส่วนการลงทุนในหุ้นเนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องใน1-2 ปีข้างหน้าจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากหลายๆประเทศรวมทั้งตลาดหุ้นไทยก็ยังคงมีปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในปี2558 โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)ได้ประมาณการว่าจีดีพีของไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.1% ในปี 2558
ด้วยความหลากหลายของ กองทุน LTF และ RMF ของบลจ.ไทยพาณิชย์ทั้งด้านนโยบายที่แตกต่างกันไปตามความเสี่ยงในการลงทุนทำให้ผลตอบแทนของแต่ละกองทุนอยู่ในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง เช่นกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว เอ็มเอไอ (SCBLT 3)เน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI)โดยเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี แนวโน้มเติบโตสูงเหมาะสำหรับลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้สูงซึ่งเป็นกองทุนที่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล โดยตั้งแต่ต้นปี 2557จนถึงปัจจุบัน (14 พ.ย.57) สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีอยู่ที่ 21.67%และนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (ต.ค.2548) อยู่ที่ 155.87%
และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต (SCBLTT)เน้นการลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีพื้นฐานดีมั่นคง และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝงซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล โดยตั้งแต่ต้นปี 2557จนถึงปัจจุบัน ( 14 พ.ย.57) สามารถสร้างผลตอบแทนอยู่ที่ 20.02%และนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (มิ.ย.2550) อยู่ที่ 88.56%
และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30(SCBLT1)เน้นการลงทุนหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีนโยบายหรือมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอไม่น้อยกว่า65%และไม่เกิน 70% ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวมส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้และอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจึงเหมาะสำหรับลูกค้าที่ไม่อยากรับความเสี่ยงสูงซึ่งสามารถให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2557 จนถึงปัจจุบัน(14 พ.ย.57)อยู่ที่ 14.14% และนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (ต.ค.47) อยู่ที่ 123.94%
สำหรับ กองทุนรวม RMF ที่แนะนำคือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET50 INDEXเพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRMS50)เน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทหุ้นทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET50 ซึ่งจำลองการเคลื่อนไหวของดัชนี SET50ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปี 2557 จนถึงปัจจุบัน(14 พ.ย.57) สามารถให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 21.57% และนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (ต.ค.54) อยู่ที่ 63.74%
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย