- Details
- Category: บลจ.
- Published: Monday, 17 November 2014 21:54
- Hits: 2138
บลจ.ยูโอบี ออกกองทุนตราสารหนี้ส่งท้ายปี เสนอขาย 17-18 พ.ย.นี้
บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) ขอนำเสนอกองทุนตราสารหนี้สำหรับผู้มีเงินลงทุนสูงส่งไตรมาสสุดท้ายปี 2014 กองทุนเปิด ยูโอบี เอฟไอ พลัส พลัส ซี เอไอ 3Y2 (UOB FI Plus Plus C AI 3Y2) ในวันที่ 17-18 พฤศจิกายน 2557 หลังจากที่เพิ่งเปิดเสนอขายกองทุนเปิด ยูโอบี เอฟไอ พลัส พลัส ซี เอไอ 3Y1 (UOB FI Plus Plus C AI 3Y1) ล่าสุดไปเมื่อวันที่ 22-27 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมาและได้รับผลการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยกองทุนเปิด ยูโอบี เอฟไอ พลัส พลัส ซี เอไอ 3Y2 เป็นกองทุนประเภทตราสารหนี้ที่มีนโยบายลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีอายุโครงการประมาณ 3 ปี ผลตอบแทนโดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 3.85% ต่อปี* และจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทุกๆ 3 เดือน จนกว่าจะครบกำหนดอายุโครงการหรือเลิกโครงการ ไม่เสียภาษีบุคคลธรรมดา (เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน) โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และอาจมีการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Non Investment Grade) รวมทั้งตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Securities) กองทุนจะนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน จัดจำหน่ายผ่านธนาคาร ยูโอบี จำกัด (มหาชน) และผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนเท่านั้น
ในภาวะการณ์ที่อัตราดอกเบี้ยต่ำและเริ่มมีสัญญาณลดดอกเบี้ยจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา รวมถึงการที่ธนาคารญี่ปุ่นและธนาคารกลางยุโรป ต่างก็คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำไว้เพื่อดำเนินการอัดฉีดเม็ดเงินเข้ากระตุ้นเศรษฐกิจทำให้ยังคงมีสภาพคล่องล้นอยู่ในระบบ บลจ.ยูโอบี จึงเสนอทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีระยะเวลาปานกลางและมีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี อีกทั้งยังมีกระแสเงินสดให้กับผู้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ สามารถตอบโจทย์ได้ดีกับสภาวะตลาดในช่วงนี้ และลดการเสียโอกาสการลงทุนจากการปรับตัวลงของดอกเบี้ย
นางสาวณัชชา สุนทรธาราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวว่า “กองทุนเปิด ยูโอบี เอฟไอ พลัส พลัส ซี เอไอ 3Y2 เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้มีเงินลงทุนสูง (ตามนิยามของ สนง. กลต.) โดยกำหนดมูลค่าขั้นต่ำการสั่งซื้อครั้งแรก 500,000 บาทขึ้นไป เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีระยะเวลาในการลงทุนปานกลางและต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี รวมทั้งมีกระแสเงินสดสม่ำเสมอ เหมาะสำหรับภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำในปัจจุบัน อีกทั้งยังช่วยลดการเสียโอกาสการลงทุนหากดอกเบี้ยมีการปรับลง”
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย