- Details
- Category: บลจ.
- Published: Sunday, 31 October 2021 18:56
- Hits: 1411
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร ‘CGIF’ ที่ ‘AAA’ แนวโน้ม ‘Stable’
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ Credit Guarantee and Investment Facility (CGIF) ซึ่งเป็นทรัสต์เพื่อการลงทุน (Trust Fund) ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank -- ADB) ที่ระดับ ‘AAA’ พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของ CGIF ที่เป็นสถาบันระหว่างประเทศ (Supranational Institution) ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลของกลุ่มประเทศอาเซียนกับประเทศนอกกลุ่มอาเซียนอีก 3 ประเทศ (ASEAN+3)
และ ADB ซึ่งเรียกรวมกันว่า ‘กลุ่มผู้ร่วมทุน’ (Contributors) อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของสถานะเงินกองทุน ตลอดจนนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่ระมัดระวัง และสภาพคล่องที่แข็งแกร่งของ CGIF ด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความท้าทายที่ CGIF จะต้องดำเนินงานให้บรรลุตามภารกิจเป้าหมายอันเนื่องมาจากความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นของประเทศที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตที่อยู่ในระดับสูง
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
ความเป็นสถาบันระหว่างประเทศเป็นปัจจัยเกื้อหนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะในการเป็นสถาบันระหว่างประเทศหรือ Supranational Institution ของ CGIF ซึ่งทริสเรทติ้งเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ CGIF จะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากสมาชิกหลักของกลุ่มผู้ร่วมทุนในยามคับขันแม้จะไม่มีกลไกในการเรียกไถ่ทุนคืนได้ในทันทีก็ตาม ในการนี้ ทริสเรทติ้ง ยังพิจารณารวมไปถึงบทบาทที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของ CGIF ประการหนึ่งคือการทำหน้าที่ส่งเสริมการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในภูมิภาคอีกด้วย
เงินเพิ่มทุนจากสมาชิกกลุ่มผู้ร่วมทุนสะท้อนถึงความสามารถและความเต็มใจในการให้การสนับสนุนด้านการเงินรวมทั้งพันธสัญญาที่สมาชิกมีต่อเป้าหมายด้านการพัฒนาของ CGIF ทั้งนี้ นับตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2563 เป็นต้นมา CGIF ได้รับเงินเพิ่มทุนมูลค่า 24 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากสาธารณรัฐเกาหลีและอีก 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากประเทศอินโดนีเซีย
ซึ่งการเพิ่มทุนดังกล่าวเป็นไปตามมติของกลุ่มผู้ร่วมทุนในปี 2560 ที่เห็นชอบให้เพิ่มเงินทุนจดทะเบียนของ CGIF เป็น 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2566 โดยไม่มีข้อผูกมัดจากเดิมที่ระดับ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้สนับสนุนการขยายธุรกิจ ส่งผลทำให้ทุนจดทะเบียนของ CGIF อยู่ที่ระดับ 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564
S&P Global Ratings มีการจัดอันดับเครดิตให้แก่ผู้ร่วมทุน 4 รายแรกที่มีสัดส่วนการร่วมทุนใน CGIF ที่ประมาณ 90% ของเงินทุนที่ได้รับชำระแล้วตั้งแต่ระดับ ‘A+’ ไปจนถึง ‘AAA’ เมื่อเดือนกันยายน 2564 โดยผู้ร่วมทุนดังกล่าวประกอบไปด้วยประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐประชาชนจีน ADB และสาธารณรัฐเกาหลี
มีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง
ทริสเรทติ้ง คาดว่า CGIF จะมีเงินกองทุนเพียงพอที่จะรองรับผลขาดทุนด้านเครดิตภายใต้สถานการณ์คับขันได้ โดยประมาณการของทริสเรทติ้งยังได้พิจารณาถึงความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นของการผิดนัดชำระหนี้จากการค้ำประกันผ่านการจำลองผลกระทบจากสถานการณ์วิกฤติทางเศรษฐกิจ อีกทั้งยังได้พิจารณารวมไปถึงมูลค่าของการให้การค้ำประกันหลังจากการประกันภัยต่อซึ่งอยู่ในระดับต่ำที่อัตรา 1.42 เท่า ของเงินกองทุนรวม ณ เดือนมิถุนายน 2564 อีกด้วยเช่นกัน โดยอัตราดังกล่าวใกล้เคียงกับระดับ 1.46 เท่า ณ เดือนมิถุนายน 2563 อันเนื่องมาจากอัตราการเติบโตที่อยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ ทริสเรทติ้ง มีความเห็นว่า กลยุทธ์ การเติบโตของการให้การค้ำประกันตราสารหนี้แบบระมัดระวังของ CGIF นั้นบ่งบอกถึงความเป็นไปได้ที่ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าอัตราส่วนดังกล่าวจะไม่สามารถเพิ่มขึ้นถึงระดับ 2.5 เท่าซึ่งเป็นเพดานที่ CGIF ใช้เป็นการภายในได้
อัตราส่วนเงินกองทุนตามเกณฑ์ Basel II หลังจากการประกันภัยต่อของ CGIF อยู่ที่ระดับ 29.4% ณ เดือนมิถุนายน 2564 โดยเพิ่มสูงขึ้นจากระดับ 28.2% ณ เดือนมิถุนายน 2563 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ระดับ 8.8%ที่ CGIF ใช้เป็นการภายใน
การบริหารความเสี่ยงที่ระมัดระวังช่วยจำกัดความเสี่ยงจากการให้การรับประกัน
ทริสเรทติ้ง มีความเห็นว่าแนวทางการบริหารความเสี่ยงแบบระมัดระวังที่มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องน่าจะช่วยให้ CGIF สามารถต้านทานความเสี่ยงจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ยังคงอยู่อันเกิดจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ได้ ยกตัวอย่างเช่น หลักการคิดค่าธรรมเนียมตามระดับความเสี่ยงของ CGIF น่าจะช่วยรองรับความเสียหายจากการรับประกันที่อาจเกิดขึ้นได้
ตัวแปรด้านความเสี่ยงที่ได้รับการกำหนดไว้อย่างชัดเจนเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนทั้งในส่วนของขั้นตอนการประเมินตลอดจนคู่มือการติดตามและลดทอนความเสี่ยงด้านเครดิต ในขณะที่การประกันภัยต่อและการประกันร่วมก็ช่วยลดทอนความเสี่ยงด้านเครดิตของ CGIF ลงไปได้อีกส่วนหนึ่งด้วย ทั้งนี้ CGIF ยังสามารถคงคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยมได้ โดย ณ เดือนมิถุนายน 2564 ยังไม่พบกรณีการผิดนัดชำระหนี้แต่อย่างใด
ในระยะปานกลาง CGIF มีกลยุทธ์ในการเติบโตที่ยังคงมีความระมัดระวังจากการคาดการณ์การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เชื่องช้าในกลุ่มประเทศเป้าหมายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดย CGIF เลือกค้ำประกันธุรกิจในภาคที่ได้รับผลกระทบในเชิงลบค่อนข้างจำกัดโดยได้รับผลกระทบไม่มากหรือได้รับผลกระทบในเชิงบวกจากโรคโควิด 19 เช่น ธุรกิจในกลุ่มบริการทางการแพทย์ สาธารณูปโภค การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และบริการทางการเงิน เป็นต้น
นอกจากนี้ การกลับรายการของความเสี่ยงทางเครดิตที่คาดว่า จะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss -- ECL) ที่มีมูลค่า 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 นั้นยังสะท้อนถึงมุมมองของ CGIF ในเรื่องการปรับตัวที่ดีขึ้นของตัวบ่งชี้ทิศทางเศรษฐกิจในอนาคตอีกด้วย
การปรับปรุงกรอบการบริหารความเสี่ยงในช่วงปีที่ผ่านมานั้นสอดคล้องกับแนวทางของ CGIF ก่อนหน้านี้ที่มุ่งเน้นการกระชับการติดตามความเสี่ยงทางเครดิตผ่านการรับรู้ปัญหาเนิ่นๆ ตั้งแต่ในระยะเริ่มต้นและการบริหารจัดการลูกค้ารับประกันที่มีความเสี่ยงสูงแบบใกล้ชิดยิ่งขึ้น การปรับปรุงเพิ่มเติมล่าสุดประกอบด้วยการกระชับนิยามความเสี่ยงทางเครดิตและการปรับปรุงเกณฑ์การเฝ้าระวังที่ใช้เป็นการภายใน
ในทำนองเดียวกัน ก็มีการจัดตั้งทีมงานข้ามสายงานที่มีหน้าที่ติดตามความเสี่ยงด้านเครดิตและการเพิ่มความถี่ในการทบทวนความเสี่ยงของลูกค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงแนวทางการประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตอีกหลายรายการและข้อปฏิบัติในกรณีเกิดการเคลมและการกู้คืนความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการผิดนัดชำระหนี้อีกด้วย
พอร์ตเงินลงทุนมีคุณภาพดี
การประเมินความเสี่ยงจากการลงทุนของ CGIF สะท้อนถึงพอร์ตเงินลงทุนขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูงและมีคุณภาพเครดิตที่อยู่ในเกณฑ์ดีภายใต้กลยุทธ์การลงทุนแบบอนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของรายได้ที่สำคัญและยังสามารถช่วยรองรับความสูญเสียจากการเคลมได้อีกด้วย สำหรับในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 นั้น รายได้จากดอกเบี้ยมีสัดส่วนคิดเป็นประมาณ 56% ของรายได้รวมของ CGIF ตามมาด้วยรายได้ค่าธรรมเนียมจากการให้การรับประกันที่สัดส่วน 38%
เงินลงทุนตามนโยบายการลงทุนของ CGIF ประกอบด้วยตราสารหนี้ที่มีอันดับเครดิตสูงตั้งแต่ระดับ “A+” จนถึง “AAA” (ยึดตามอันดับเครดิตของ S&P Global Ratings) ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลและสถาบันการเงินซึ่งรวมถึงตั๋วเงินคลังรัฐบาลสหรัฐฯ (US Treasuries) และสถาบันการเงินต่างๆ
โดยมีการกำหนดอันดับเครดิตขั้นต่ำของเงินลงทุนให้อยู่ที่ระดับ ‘A+’ สำหรับตราสารหนี้ที่ออกโดยหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลของประเทศที่เป็นผู้ร่วมทุนเท่านั้น ทั้งนี้ ณ เดือนมิถุนายน 2564 กว่าครึ่งหนึ่งของเงินลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลหรือหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลมีอันดับเครดิตอยู่ที่ระดับ ‘AA-‘ หรือสูงกว่า ทั้งนี้ CGIF มีนโยบายในการลงทุนที่มุ่งเน้นรายได้จากเงินลงทุนที่มีความมั่นคงผ่านการถือครองตราสารหนี้เพื่อรักษาเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงราคาให้อยู่ที่ระหว่าง 2-4 ปี
โดยมีค่าเฉลี่ยการเปลี่ยนแปลงราคาอยู่ที่ 2.84 ปี ณ เดือนมิถุนายน 2564 ลดลงจาก 3.13 ปี ณ เดือนมิถุนายน 2563 ส่วนหนึ่งเนื่องจากการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยที่จะเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ CGIF ยังมีการกำหนดเพดานการกระจุกตัวที่ดีสำหรับประเทศของผู้ออกตราสาร ผู้ออกตราสารหนี้รายเดียว ประเภทของผู้ออกตราสาร และอันดับเครดิต ตลอดจนการกำหนดเพดานที่ระมัดระวังเพื่อจำกัดมูลค่าความเสี่ยง (Value-at-Risk -- VaR) และการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น (Unrealised Loss) จากเงินลงทุนอีกด้วย
สภาพคล่องยังคงแข็งแกร่ง
ทริสเรทติ้ง คาดว่า สินทรัพย์สภาพคล่องที่มีขนาดใหญ่และการบริหารความเสี่ยงแบบอนุรักษ์นิยมจะช่วยส่งเสริมให้สถานะสภาพคล่องของ CGIF ยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ เงินลงทุนของ CGIF ประกอบไปด้วยตราสารหนี้ที่มีสภาพคล่องและมีอันดับเครดิตสูงซึ่งทริสเรทติ้งเชื่อว่าเงินลงทุนดังกล่าว สามารถนำมาขายเพื่อใช้เป็นแหล่งสภาพคล่องในยามจำเป็นได้โดยอาจเกิดการขาดทุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แนวทางการบริหารสภาพคล่องแบบ 2 ทางกำหนดให้มีการติดตามสภาพคล่องให้เพียงพอต่อความต้องการรายวันและการจำลองความเพียงพอของสภาพคล่องภายใต้สถานการณ์คับขันในกรณีที่เกิดการเคลมความเสียหายครั้งใหญ่
โดยอยู่ภายใต้สมมติฐานการจำลองความเพียงพอของสภาพคล่องที่มีความระมัดระวัง ตัวอย่างเช่น ในการติดตามสภาพคล่องรายวันนั้นจำเป็นจะต้องมีประมาณการกระแสเงินสดเข้าจากเงินลงทุนและรายได้จากค่าธรรมเนียมเพื่อรองรับกระแสเงินสดออกและการเคลมที่อาจเกิดขึ้นภายใน 6 เดือนข้างหน้า และอีกตัวอย่างหนึ่ง ได้แก่ การจำลองภายใต้สถานการณ์คับขันที่ใช้สมมุติฐานการเคลมของการผิดนัดชำระหนี้ที่ยึดสัดส่วน 20% ของจำนวนบริษัทที่ได้รับการรับประกันควบคู่ไปกับการใช้ค่าปรับลด (Hair-cut) ในการขายสินทรัพย์เงินลงทุน
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน (ในระหว่างปี 2564-2566)
- • มูลค่าของการให้การค้ำประกันหลังจากการประกันภัยต่อจะอยู่ที่ระดับ 1.4-1.7 เท่าของเงินกองทุน
- • มูลค่าของการให้การค้ำประกันใหม่จะอยู่ที่ระดับประมาณ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี
- • อัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุนจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.95%-2% ต่อปี
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับความสามารถและความเต็มใจของผู้ร่วมทุนหลักในการให้ความช่วยเหลือแก่ CGIF และความคาดหวังว่า CGIF จะยังคงดำเนินการตามเป้าหมายที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในภูมิภาคต่อไป แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่า CGIF จะยังคงความแข็งแกร่งของสถานะเครดิต รวมทั้งมีการบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวด และมีผลการดำเนินงานทางการเงินที่ดีต่อไปได้ด้วยเช่นกัน
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตของ CGIF อาจได้รับแรงกดดันในทางลบได้หากความเสียหายจากการค้ำประกันทำให้ฐานะทางการเงินของ CGIF อ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ หรือหากระดับการให้การสนับสนุนของกลุ่มผู้ร่วมทุนลดลง
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- Rating Methodology for Supranational Institutions, 24 กรกฏาคม 2557
Credit Guarantee and Investment Facility (CGIF)
อันดับเครดิตองค์กร: |
AAA |
แนวโน้มอันดับเครดิต: |
Stable |
|
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ