- Details
- Category: บลจ.
- Published: Monday, 04 October 2021 17:42
- Hits: 7240
STP&L เจ้าของสินทรัพย์ส่วนใหญ่ที่กองทรัสต์ KTBSTMR จะเข้าลงทุน เตรียมขยายสัดส่วนลงทุนในหน่วยทรัสต์ในฐานะ Sponsor เพื่อเสริมความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน
STP&L เจ้าของโครงการเอสทีบางบ่อ โครงการเอสทีบางปะอิน โครงการซัมเมอร์ฮับ และโครงการซัมเมอร์ฮิลล์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ ในกองทรัสต์ KTBSTMR มั่นใจว่าสินทรัพย์มีศักยภาพการเติบโตของรายได้ค่าเช่าต่อเนื่อง และกองทรัสต์มีผลตอบแทนที่ดึงดูดต่อการลงทุน จึงมีความประสงค์ในการขยายสัดส่วนลงทุนในหน่วยทรัสต์ของ KTBSTMR ในฐานะ Sponsor เป็นไม่เกินร้อยละ 30 โดยแบ่งสัดส่วนเงินลงทุนทั้งในตลาดแรก (IPO) และตลาดรอง (Secondary Market) พร้อมให้ความเชื่อมั่นนักลงทุนในการดูแลและบริหารสินทรัพย์ เพื่อสร้างรายได้ค่าเช่ามั่นคงต่อเนื่องในระยะยาว โดยกองทรัสต์ KTBSTMR เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหน่วยทรัสต์ในวันที่ 19-29 ตุลาคม 2564 นี้
นางอาทิตยา ชาญวีรกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสที พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ โลจิสติกส์ จำกัด หรือ STP&L ในฐานะเจ้าของโครงการเอสทีบางบ่อ โครงการเอสทีบางปะอิน โครงการซัมเมอร์ฮับ และโครงการซัมเมอร์ฮิลล์ เปิดเผยว่า ในการดำเนินงานของทรัพย์สินประเภทคลังสินค้า/โรงงานให้เช่า ในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้มีผลกระทบต่อการนำทรัพย์สินออกให้เช่าเนื่องจากผู้เช่ายังสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างปกติ อีกทั้งบางรายได้รับผลบวกจากสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากความต้องการในการจัดเก็บสินค้าประเภทอุปโภคมีมากยิ่งขึ้น สำหรับทรัพย์สินประเภทสำนักงานและคอมมูนิตี้มอลล์ ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง และจากวิถี New Normal ที่บริษัทต่างๆ มีนโยบายทำงานจากบ้าน หรือ Work from Home ส่งผลให้แนวคิดการเช่าอาคารสำนักงานของบริษัทต่างๆ เปลี่ยนไปจากเดิมที่จะเช่าอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ กลายเป็นมองหาอาคารสำนักงานขนาดเล็กที่ตอบโจทย์การทำงานทุกรูปแบบแทน หนุนให้ความต้องการอาคารสำนักงานขนาดเล็กใจกลางเมือง ติดกับสถานีรถไฟฟ้ามีแนวโน้มสูงขึ้น และธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ ที่ร้านอาหารสามารถเปิดบริการรับประทานอาหารที่ร้านได้ ประกอบกับการปรับตัวเพิ่มบริการการจัดส่งอาหารถึงบ้าน หรือ Food Delivery ที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับธุรกิจมากขึ้น
โดย โครงการเอสที บางบ่อ ซึ่งเป็นอาคารคลังสินค้าและโรงงานขนาดกลาง ถือเป็นขนาดที่ตอบสนองความต้องการของผู้เช่าเป็นอย่างดี อีกทั้งตั้งอยู่บนทางสายหลักที่สามารถเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมสายหลักไปยังภูมิภาคต่างๆ รวมถึงเข้าถึงศูนย์กลางขนส่งทางอากาศหรือทางน้ำที่สำคัญ เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ ท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งสามารถลดต้นทุนการขนส่งของผู้เช่าได้
โครงการ เอสที บางปะอิน ซึ่งเป็นอาคารคลังสินค้าที่พัฒนาขึ้นตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit) โดยมีขนาดกลาง-ขนาดใหญ่ ปัจจุบันมีผู้เช่าเหมารายเดียวทั้งโครงการ สิ้นสุดสัญญาเช่าในปลายปี 2573 และ ที่ตั้งของโครงการที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ถือเป็นจุดยุทธศาสาตร์ที่สำคัญเหมาะแก่การเป็นศูนย์กระจายสินค้าที่ดี ลดต้นทุนการขนส่งแก่ผู้เช่า อีกทั้งภายในนิคมอุตสาหกรรมยังมีระบบโครงสร้างพื้นฐาน เขื่อนป้องกันน้ำท่วม และบริการที่ได้มาตรฐานเพื่อรองรับความต้องการของผู้เช่าด้วย
โครงการ ซัมเมอร์ฮับ เป็นอาคารสำนักงานให้เช่า ขนาดเล็ก-กลาง ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับเทรนด์ธุรกิจแบบคล่องตัวในอนาคต โดยขนาดพื้นที่เช่าเหมาะสำหรับ SME และกลุ่ม Start-up ซึ่งมองว่า Remote Office คือเทรนด์ที่มาพร้อมกับโควิด และจะปฎิวัติวงการทำงานในอนาคต และโครงการซัมเมอร์ฮิลล์ เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ใจกลางพระโขนง ติดสถานีรถไฟฟ้า ตั้งอยู่ในศูนย์กลางแหล่ง CBD ติดถนนเส้นหลักสุขุมวิทและพระราม 4 ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เคทีบีเอสที มิกซ์ หรือ KTBSTMR เข้าลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดินและสิทธิการเช่าอาคาร งานระบบ สิ่งติดตั้งตรึงตราและอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องซึ่งได้ใช้ในการดำเนินกิจการ เป็นระยะเวลาประมาณ 29 ปี และมีข้อตกลงต่อสัญญาอีกประมาณ 1 ปี ซึ่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้ง 3 ระลอก นั้น ไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องอัตราการเช่าพื้นที่แต่อย่างใด โดย ณ 30 มิถุนายน 2564 ทั้ง 2 โครงการ ยังมีอัตราการเช่าพื้นที่สูงถึง 93% และมั่นใจว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ค่าเช่า ได้อย่างสม่ำเสมอในระยะยาว
ดังนั้น เพื่อเสริมความมั่นใจให้กับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทรัสต์ KTBSTMR ประกอบกับเมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนคาดหวังของกองทรัสต์ KTBSTMR ที่ประมาณร้อยละ 7 ต่อปี ซึ่งมีความน่าสนใจในการลงทุนมากเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนประเภทอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงเทียบเคียงกันในสถานการณ์ปัจจุบัน ทางคณะกรรมการ บริษัท STP&I จึงมีมติให้กลุ่มบริษัท STP&I รวมถึงบริษัทในเครือขยายสัดส่วนการเข้าลงทุนในฐานะเจ้าของทรัพย์สิน (Sponsor) กองทรัสต์ KTBSTMR เพิ่ม จากเดิมร้อยละ 5 เป็นไม่เกินร้อยละ 30 ของมูลค่ากองทรัสต์ (จำนวน 3,015 ล้านบาท) หรือลงทุนได้ในวงเงินรวมกันไม่เกินประมาณ 904.5 ล้านบาท สำหรับการลงทุนทั้งในตลาดแรก (IPO) และตลาดรอง (Secondary Market) โดยไม่รวมค่าบริการและค่าธรรมเนียมต่างๆ เป็นระยะเวลาประมาณ 1.5 ปี หรือจนกว่า KTBSTMR จะมีการเพิ่มทุนเพื่อลงทุนซื้อทรัพย์สินเพิ่มเติม
“ด้วยคุณภาพของสินทรัพย์ประเภทอาคารคลังสินค้า/โรงงาน โครงการเอสทีบางบ่อ เอสทีบางปะอิน รวมถึงสินทรัพย์ประเภทอาคารสำนักงาน และคอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพและประกอบด้วยผู้เช่าที่มีคุณภาพแล้วเห็นว่า ทรัพย์สินสามารถสร้างรายได้ค่าเช่าที่มั่นคงได้ต่อเนื่อง ทางกลุ่ม STP&L จึงเห็นควรขยายสัดส่วนลงทุนในฐานะ Sponsor ในกองทรัสต์ KTBSTMR เพิ่มเติม เพื่อทำให้นักลงทุนที่เตรียมจองซื้อหน่วยทรัสต์ในวันที่ 19-29 ต.ค. มั่นใจได้ว่า STP&L ในฐานะ Sponsor จะดูแล และบริหารสินทรัพย์ เพื่อสร้างรายได้ค่าเช่าต่อเนื่องในระยะยาว ตลอดอายุสัญญาของกองทรัสต์ KTBSTMR และเพื่อให้สามารถสร้างโอกาสผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาวให้กับผู้ลงทุนในกองทรัสต์ KTBSTMR” นางอาทิตยา กล่าว
A10066
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ