- Details
- Category: บลจ.
- Published: Wednesday, 12 November 2014 21:29
- Hits: 3156
บลจ.กสิกรไทย เสิร์ฟกองทุนใหม่ K-GHEALTH ชวนลงทุนหุ้นกลุ่มสุขภาพชั้นนำทั่วโลก มั่นใจสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีต่อเนื่องระยะยาว
บลจ.กสิกรไทย เตรียมส่งกองทุนเปิดเค โกลบอล เฮลท์แคร์ หุ้นทุน (K-GHEALTH) เกาะกระแสดีมานด์ด้านการดูแลสุขภาพ เผยช่วง 10 ปีที่ผ่านมา รายได้กลุ่มธุรกิจ healthcare ทั่วโลกเติบโตพุ่งกว่า 82% สบจังหวะชวนนักลงทุนฉวยโอกาสรับผลตอบที่ดีในระยะยาว พร้อมชูลงทุนผ่านกองทุนหลักระดับ 5 ดาว ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท เสนอขายครั้งแรก 18-24 พ.ย. นี้
นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 18-24 พฤศจิกายน 2557 บลจ.กสิกรไทย เตรียมเสนอขายกองทุนเปิดเค โกลบอล เฮลท์แคร์ หุ้นทุน (K-GHEALTH) มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท โดยกองทุน K-GHEALTH จะเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มสุขภาพในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ผ่านกองทุนหลัก คือ JP Morgan Funds – Global Healthcare Fund, Class A (acc) ซึ่งบริหารจัดการโดย J.P.Morgan Asset Management หนึ่งในผู้จัดการกองทุนชั้นนำระดับโลก ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูล ณ 30 มิ.ย. 57) นอกจากนี้ กองทุนหลักยังได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar และยังมีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่สามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลังในรอบ 5 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 23.28% ต่อปี หรือคิดเป็นผลดำเนินงานย้อนหลังสะสม 5 ปี อยู่ที่ประมาณ 184.72% (ข้อมูล ณ 30 ก.ย. 57)
สำหรับ นโยบายการลงทุนของกองทุนหลักนั้น จะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพทั่วโลก อาทิ เวชภัณฑ์ เทคโนโลยีชีวภาพ บริการด้านสุขภาพ และเทคโนโลยีการแพทย์ โดยให้น้ำหนักลงทุนในกลุ่มเวชภัณฑ์เป็นสัดส่วนมากที่สุดถึง 52% ขณะที่รองลงมาคือกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ ในสัดส่วน 23.9% ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาถึง 60.3% ประกอบด้วยบริษัทชั้นนำระดับโลก อาทิ บริษัท Johnson & Johnson ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ เวชสำอางค์ และเครื่องใช้สำหรับโรงพยาบาล เจ้าของแบรนด์ชื่อดังอย่าง ไทลินอล (Tylenol)
บริษัท Roche และบริษัท Novartis ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ที่เน้นการค้นคว้าวิจัยตัวยาและเวชภัณฑ์โรคเฉพาะทางที่หลากหลาย และบริษัท Biogen Idec ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้นำด้านเทคโนโลยีชีวภาพของโลก ซึ่งคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในงานทางด้านการแพทย์และสุขภาพ โดยเฉพาะการรักษาโรคทางพันธุกรรม เป็นต้น นอกจากนี้กองทุนหลักยังมีทีมงานจัดการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจดูแลสุขภาพ ด้วยประสบการณ์เฉลี่ยยาวนานถึง 14 ปี โดยมีสำนักงานกระจายอยู่ในภูมิภาคต่างๆ อาทิ นิวยอร์ก ลอนดอน และโตเกียว ทำให้มีความเชี่ยวชาญและสามารถเข้าถึงข้อมูลของบริษัทต่างๆ ได้อย่างเจาะลึกและแม่นยำ ทั้งนี้กองทุน K-GHEALTH เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เชื่อมั่นต่อการเติบโตของหุ้นในกลุ่มสุขภาพ และคาดหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว โดยสามารถยอมรับความเสี่ยงและความผันผวนที่สูงขึ้นจากการลงทุนในสินทรัพย์เฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมได้
สำหรับ มุมมองต่อการเติบโตของหุ้นกลุ่มสุขภาพ นายนาวินกล่าวว่า “แนวโน้มรายได้ของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มธุรกิจสุขภาพทั่วโลก มีการเติบโตอย่างชัดเจน โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการเติบโตขึ้นกว่า 82% โดยเฉพาะในประเทศเกิดใหม่ที่เติบโตขึ้นเป็นเท่าตัว เนื่องจากประชากรหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยมีผลสำรวจสนับสนุน พบว่าประชากรวัยสูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จากทั่วโลก จะมีจำนวนที่เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า ในทุกๆ 50 ปี ส่งผลให้มูลค่าการใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพมีแนวโน้มเติบโตตามไปด้วย นอกจากนี้ในปี 2557 คาดว่าสัดส่วนการใช้จ่ายด้านสุขภาพต่อมูลค่าเศรษฐกิจโลก (GDP) มีสัดส่วนอยู่ที่ 10.5% และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องโดยเฉลี่ยปีละประมาณ 5% ไปจนถึงปี พ.ศ. 2560 และหากนับมูลค่าการใช้จ่ายเฉพาะการซื้อเวชภัณฑ์ในปี 2560 คาดว่าจะสูงถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ที่มา: Deloitte, Global Healthcare Outlook, วันที่ 31 ก.ค. 57)
นอกจากนี้ นโยบายด้านการปฏิรูประบบสาธารณสุขในประเทศสหรัฐอเมริกา (ObamaCare) ซึ่งสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเข้าถึงประกันสุขภาพได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้มีชาวอเมริกันที่สามารถเข้าถึงระบบรักษาพยาบาลได้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 15 ล้านคน จากปัจจัยที่กล่าวมา จึงส่งผลบวกต่อมูลค่าหุ้นและแนวโน้มระดับราคาหุ้นของบริษัทในกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพ ให้สามารถเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยปัจจุบันหุ้นในกลุ่มดังกล่าว มีมูลค่าตลาดประมาณ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 11% ของมูลค่าตลาดหุ้นโลก (MSCI World Healthcare Index, ณ 30 ก.ย. 57) และระดับราคาปัจจุบัน ดัชนี MSCI World Healthcare มีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (Forward P/E) ประมาณ 17.43 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปี ซึ่งอยู่ที่ 14.84 เท่า ซึ่งถึงแม้ว่าระดับราคาหุ้นปัจจุบันจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง แต่จากปัจจัยบวกที่กล่าวมาข้างต้น บลจ.กสิกรไทย เชื่อมั่นว่าหุ้นในกลุ่มสุขภาพทั่วโลก จะยังสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว”นายนาวินกล่าว
สำหรับ ผู้ลงทุนที่สนใจกองทุนเปิดเค โกลบอล เฮลท์แคร์ หุ้นทุน (K-GHEALTH) สามารถลงทุนได้ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888