- Details
- Category: บลจ.
- Published: Wednesday, 29 October 2014 19:19
- Hits: 2567
บลจ.ยูโอบี มองหุ้นไทยมีโอกาสเติบโตได้ คาด EPS บจ.ปีหน้าโต 15-20% เตรียมเปิดขายกองทุนหุ้นไทยทริกเกอร์ 29-31 ต.ค. นี้
บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) นำเสนอ กองทุนเปิด ไทย ทริกเกอร์ 3% พลัส 3% (9) (T3P3 (9)) เสนอขายครั้งแรกและครั้งเดียวในวันที่ 29-31 ตุลาคม 2557 รับตลาดหุ้นไทยผันผวนระยะสั้น เล็งเห็นหุ้นไทยเติบโตได้ในระยะยาว กองทุนมีเป้าหมายเลิกโครงการ เมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าเท่ากับหรือมากกว่า 10.60 บาท/หน่วย โดยรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ 2 ครั้ง (เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน) จัดจำหน่ายผ่านธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) และผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืน
นางสาวณัชชา สุนทรธาราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงจากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก โดย บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยยังคงมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2558 ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมในระยะกลางถึงยาว นอกจากนี้มูลค่าหุ้นไทยยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม จึงเป็นโอกาสที่จะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยในขณะนี้”
ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกด้วยแรงกดดันจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจยุโรปที่ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวลดลง อีกทั้งเหตุการณ์ประท้วงที่ยืดเยื้อในฮ่องกง อย่างไรก็ตาม บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) มองว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อหุ้นไทยในระยะสั้นและยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในหุ้นไทยในระยะกลางถึงยาว ด้วยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่กระตุ้นการใช้จ่ายและการบริโภคภายในประเทศของประชาชน อาทิเช่น มาตรการจ่ายเงินอุดหนุนชาวนาและชาวสวนยางมูลค่ามากกว่าแสนล้านบาท มาตรการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวสำหรับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล และคาดว่าจะมีนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2558 ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.0% ต่อปี เพื่อเป็นการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และได้คาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจ GDP ปี 2558 ที่ 4.8% เทียบกับ 1.5% ในปีนี้ โดยคาดการณ์กำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (Earning per share) ในปี 2558 จะเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 15-20% ซึ่งมูลค่า PE ของหุ้นไทยอยู่ที่ 14-15 เท่า ถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสมและอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าหุ้นในภูมิภาคเดียวกัน เช่น อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ จึงเป็นโอกาสทำให้มีเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าลงทุนในหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง