- Details
- Category: บลจ.
- Published: Monday, 13 October 2014 18:36
- Hits: 2622
บลจ.ไทยพาณิชย์ ออกกองทริกเกอร์หุ้นสมอลแคปสหรัฐฯ ตั้งเป้า 10% ใน 10 เดือน
นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเปิดขายกองทุนทริกเกอร์ใหม่อีก 1 กองทุน โดยจะลงทุนในหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐอเมริกา ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ยูเอสสมอลแคป ทริกเกอร์ 5%+5% (SCB US Small Cap Equity Trigger 5%+5% Fund) อายุประมาณ 10 เดือน มูลค่าจดทะเบียน 3,000 ล้านบาท โดยเสนอขายระหว่างวันที่ 15 - 20 ตุลาคม 2557 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท
สำหรับ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ยูเอสสมอลแคป ทริกเกอร์ 5%+ 5% มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุน ของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว คือ U.S. Small Companies Fund ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นของ บริษัทขนาดเล็กของสหรัฐอเมริกา ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ มีเป้าหมายยกเลิกโครงการที่ 10% ภายใน 10 เดือน โดยกำหนดทริกเกอร์ 2 ครั้งๆ ละไม่ต่ำกว่า 5%เพื่อให้ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนระหว่างทางเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนเข้าเงื่อนไขตามที่
กำหนด อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่กองทุนไม่ทริกเกอร์ตามกำหนด กองทุนจะเปิดโอกาสให้ผู้ถือหน่วยสามารถขายคืนหน่วยได้หรือเลือกถือต่อ เพื่อขายคืนหน่วยลงทุน อัตโนมัติเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนถึงเกณฑ์ที่กำหนด
ทั้งนี้ กองทุน U.S. Small Companies Fundจะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดเล็ก ในสหรัฐอเมริกา โดยพิจารณาว่าบริษัทใดเป็นบริษัทขนาดเล็กจากมูลค่าตามราคาตลาดเป็นสำคัญ และจะกระจายซื้อหุ้นของบริษัทขนาดเล็กผ่านตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ หรือนอกตลาดหลักทรัพย์ โดยกองทุนดังกล่าวจัดตั้งขึ้น ภายใต้กฎหมายของประเทศไอร์แลนด์ (Ireland) และอยู่ภายใต้ความร่วมมือกันในการพัฒนามาตรฐาน เพื่อการซื้อขายกองทุนข้ามประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป หรือ UCITS (Undertakings for Collective Investments in Transferrable Securities) กองทุนนี้บริหารจัดการภายใต้ความดูแลของ Dimensional Funds PLC
นายสมิทธ์ กล่าวว่า สาเหตุที่เลือกลงทุนหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯในช่วงนี้ เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯกำลังเข้าสู่ช่วงเติบโตโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ได้คาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจประมาณ 3 – 3.2% ในปี 2015 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยประมาณการณ์ระยะยาวที่ 2.1 – 2.3% ในขณะที่อัตราการว่างงานปรับตัวลดลงอยู่ที่ ระดับ 5.4 – 5.7% และอัตราเงินเฟ้อคงตัวอยู่ในระดับต่ำซึ่งจะเป็นผลดีต่อการลงทุนในตลาดตราสารทุน โดยมองว่าหุ้นขนาดเล็กในช่วงนี้น่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าเพราะราคาหุ้นขนาดใหญ่ได้สะท้อนคาดการณ์อัตรากำไรที่ดีและปรับตัวขึ้นไปก่อนหน้าแล้ว
“นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์จากสถาบันการเงินต่างประเทศว่า หุ้นขนาดเล็กในดัชนี Russell 2000 มีอัตราการเติบโตของกำไรที่สูงกว่าหุ้นในดัชนี S&P 500 ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งดัชนี Russell 2000 ประกอบด้วยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็น Cyclical Sectors มากกว่า 60% ทำให้มี Leverage สูงในช่วงตลาด ขาขึ้น ขณะเดียวกันดัชนี Russell 2000 ยังมีความสัมพันธ์สูงกับกับดัชนี DJIA และดัชนี S&P500 ซึ่งหมายถึงว่าหาก Fund Flow ยังไหลเข้าตราสารทุนและตลาดหุ้นสหรัฐฯแล้ว โอกาสที่ราคาหุ้นขนาดเล็กจะปรับตัวขึ้นสูงจึงมีความเป็นไปได้” นายสมิทธ์กล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SCBAM Call Center โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6