- Details
- Category: บลจ.
- Published: Wednesday, 27 March 2019 20:55
- Hits: 2038
บลจ.กสิกรไทย มองหุ้นไทยในระยะยาวโตต่อเนื่อง ส่วนระยะสั้นรอปัจจัยหนุนเพิ่ม หลังผลเลือกตั้งที่ชัดเจน
บลจ.กสิกรไทย เผยตลาดหุ้นไทยหลังเลือกตั้งเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เงินลงทุนยังไม่ไหลกลับเข้าไทยในระยะสั้น จับตาปัจจัยภายนอกที่จะส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้มากกว่า ส่วนในระยะยาวยังเติบโตดีจากการบริโภค การลงทุนภายในประเทศ รวมถึงการท่องเที่ยว โดยยังคงเป้าหมาย SET Index ปลายปีที่ 1750 จุด
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยหลังการเลือกตั้ง น่าจะยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ (sideways) จนกว่าจะทราบผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พ.ค. 62 อีกทั้ง การจัดตั้งรัฐบาลจะยังไม่ได้ข้อสรุปจนถึงปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน ทำให้ยังมีความไม่แน่นอนเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งหากเป็นรัฐบาลชุดเดิมก็จะมีความต่อเนื่องในการสานต่อนโยบายเดิมโดยเฉพาะโครงการภาครัฐขนาดใหญ่ และ EEC ซึ่งจะทำให้ตลาดตอบรับในเชิงบวกได้ แต่ถ้าในทางตรงกันข้าม ตลาดน่าจะผันผวนในระยะสั้น เนื่องจากความกังวลในความต่อเนื่องของนโยบายหรือมีความล่าช้าในการดำเนินการ
โดยเฉพาะนโยบายที่ได้ริเริ่มโดยรัฐบาลปัจจุบัน ทำให้ปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้นไทยยังมีความไม่ชัดเจนมากนัก และคาดว่า เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติยังคงไม่ไหลกลับเข้ามาในระยะสั้น ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในระยะนี้น่าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก อาทิเช่น ความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน การเจรจาเรื่อง Brexit ก่อนกำหนดเส้นตาย และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกรวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
"บลจ.กสิกรไทย ยังคงมีมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นไทยในระยะยาว โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ยังเติบโตได้จากการขับเคลื่อนของการบริโภค การลงทุนภายในประเทศ และการท่องเที่ยว ผลประกอบการปกติของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ คาดว่าจะยังขยายตัวได้ในอัตรา 5-6% แต่หากดูตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาด (concensus) จะเห็นว่ามีอัตราการเติบโต 13% เนื่องจากไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา กลุ่มพลังงานมีตัวเลขขาดทุนที่เกิด stock loss จำนวนมากจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงมาต่ำมากในช่วงปลายปี รวมถึงรายการพิเศษอื่นทำให้ฐานกำไรในปีที่ผ่านมาต่ำกว่าปกติ”นางสาวธิดาศิริกล่าว
ด้วยระดับดัชนีที่ปรับลดลงมาใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี รวมทั้งอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของตลาดโดยรวมที่ระดับ 3.4% จึงประเมินว่าในระยะสั้น SET Index จะปรับตัวผันผวนอยู่ในช่วง 1600-1680 จุด และยังคงเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2562 ไว้ที่ระดับ 1750 จุด ด้วย Forward PE ที่ 15.7 เท่า
นางสาวธิดาศิริ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกองทุนที่บลจ.กสิกรไทยแนะนำ ได้แก่ กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล (KDLTF) ที่เน้นลงทุนในหุ้นใหญ่ มีปัจจัยพื้นฐานดี กระจายการลงทุนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อสร้างโอกาสการทำกำไรในทุกสภาวะตลาด โดยมุ่งหวังให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนีชี้วัด กองทุนกองทุนเปิดเค เซ็ท 50 (K-SET50) ซึ่งเป็นกองทุนประเภท Passive ที่เน้นลงทุนให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี SET50 ด้วยมูลค่าลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 บาท ผ่านช่องทางดิจิตอลอย่าง K-My Funds และ K-Cyber Invest และกองทุนเปิดเค สตาร์ หุ้นทุน-A ชนิดรับซื้อคืนอัตโนมัติ (K-STAR-A(R)) ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว มีการบริหารจัดการกองทุนที่โดดเด่นติดอันดับกองทุน 5 ดาว จาก Morningstar (ที่มา Morningstar ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.พ. 62)
สำหรับ ผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน KDLTF, K-SET50 และ K-STAR-A(R) สามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือติดต่อ KAsset Contact Center 0 2673 3888
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ได้ที่ www.kasikornasset.com หรือ บลจ. กสิกรไทย หรือ ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือ ขอข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลที่เสนอขายหน่วยลงทุน และศึกษาข้อมูลภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
Click Donate Support Web