- Details
- Category: บลจ.
- Published: Monday, 04 February 2019 21:23
- Hits: 2074
บลจ.กสิกรไทย แนะนำกลยุทธ์ลงทุนแบบ 4D เอาชนะความผันผวนทุกสภาวะตลาด สู้เศรษฐกิจโลกปี 62
บลจ.กสิกรไทย เปิดแผนการดำเนินงานปี 2562 มุ่งเน้นพัฒนาช่องทางลงทุนดิจิตอล ผ่านแอป K-My Funds และ K-My PVD รุกขยายฐานลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเดิม เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจ ตั้งเป้าหมายยอดผู้ลงทุนผ่านดิจิตอลปีนี้ (Digital-based Users) เพิ่มขึ้นอีก 26% พร้อมทั้งแนะนำกลยุทธ์การลงทุนแบบ 4D ให้กับลูกค้า มุ่งเอาชนะทุกสภาวะตลาดการลงทุน สู้เศรษฐกิจโลกผันผวนปีนี้
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยถึงมุมมองการลงทุนในปี 2562 ว่าเศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงปลายวัฐจักรของเศรษฐกิจขาขึ้น (Late cycle) โดยภาพรวมคาดว่าจะมีการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงและไม่สอดคล้องกันในแต่ละประเทศ ส่งผลให้ภาพรวมตลาดในปีนี้ ยังคงเป็นปีที่มีความผันผวนสูง และอาจส่งผลให้ผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนลดน้อยลง โดยปัจจัยเสี่ยงมาจากหลายประการ อาทิ การที่สภาพคล่องในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง จังหวะการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(FED) รวมถึงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ยังมีความไม่แน่นอน
"เป้าหมายและกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทในปีนี้ จึงให้ความสำคัญและมุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพการลงทุน โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุน และบริการเพื่อให้สามารถตอบโจทย์กับสภาวะตลาดที่มีความผันผวน โดยเสนอแนวคิดการลงทุนแบบ 4D ซึ่งเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่บริษัทแนะนำให้กับลูกค้าในปีนี้ ได้แก่ การเน้นกระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ (Diversification) การลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอแม้ในสภาวะตลาดที่ผันผวน (Defensive) การลงทุนและถือครองสินทรัพย์ในระยะเวลาที่เหมาะสม (Duration) และการลงทุนโดยยึดหลักความสม่ำเสมอ มีวินัย (Discipline) ซึ่งทั้ง 4 กลยุทธ์การลงทุนนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะเอาชนะความผันผวนของตลาดในปีนี้และเพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว" นายวศินกล่าว
ด้านแผนการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ นายวศินกล่าวว่าบริษัทยังคงตั้งเป้าหมายของการเป็นผู้นำในธุรกิจกองทุนด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุน รวมถึงช่องทางการให้บริการต่างๆอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาคุณสมบัติใหม่ๆ ของแอปพลิเคชัน K-My Funds และ K-My PVD เพื่อให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น และการเน้นรักษาฐานลูกค้าเดิม โดยนำเอานวัตกรรมต่างๆซึ่งเป็นเครื่องวิเคราะห์ข้อมูลการลงทุนมาใช้ในการนำเสนอพอร์ตลงทุนที่มีประสิทธิภาพ เหมาะกับระดับความเสี่ยงและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้ามากที่สุด รวมไปถึงการให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงเป็นรายบุคคลกับลูกค้าผ่าน App K-My Funds นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มใหม่ๆ โดยเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงการลงทุนผ่านช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะช่องทางดิจิตอล ซึ่งถ้าระบบการยืนยันตัวตนผ่านดิจิตอล (National Digital ID) และ e-KYC เปิดให้ใช้อย่างเป็นทางการ ก็จะสามารถเพิ่มฐานลูกค้าได้อีกเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ ความร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยและตัวแทนการขายอื่นๆ ยังช่วยสร้างระบบเครือข่ายการขายผลิตภัณฑ์กองทุน ของบลจ.กสิกรไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายวศิน กล่าวต่อไปว่า บริษัทยังคงมีจำนวนลูกค้ากองทุนรวมที่ลงทุนผ่านช่องทางดิจิตอลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยอด ณ สิ้นปี 2561 มีลูกค้ากองทุนรวมที่ลงทุนผ่านช่องทางดิจิตอล (Digital-based Users) อยู่ที่ประมาณ 257,000 ราย หรือคิดเป็นสัดส่วนที่ 57% จากจำนวนลูกค้ากองทุนรวมทั้งหมด โดยเพิ่มขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่วนเป้าหมายในปี 2562 นี้ บลจ.กสิกรไทยตั้งเป้าหมายฐานลูกค้าที่ใช้บริการผ่านช่องทางดิจิตอล (Digital-based Users) เพิ่มขึ้นอีก 26% หรือตั้งเป้าตัวเลข ณ สิ้นปีไว้อยู่ที่ประมาณ 325,000 ราย จากจำนวนลูกค้ากองทุนรวมทั้งหมด
"ผลงานที่โดดเด่นในปีที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทยเราเป็นบริษัทแรกของไทยที่ได้รับการรับรอง "5 ขั้นมั่นใจลงทุน" จากก.ล.ต. เป็นผู้ให้บริการออกแบบการลงทุนผ่าน App K-My Funds ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมและการเป็นผู้นำของบริษัทในด้านการให้คำแนะนำการลงทุนผ่านช่องทางดิจิตอล และการรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์กองทุนให้ดีอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งในปีที่ผ่านมาเรามีกองทุนที่ติดอันดับ 5 ดาวมอร์นิ่งสตาร์ สูงสุดถึง 14 กองทุน รวมไปถึงการเปิดขายของกองทุนเปิดเค การันตี 5 ปี A ที่เป็นกองทุนรวมมีประกันกองเดียวของไทยที่สร้างยอดขายในช่วง IPO ได้ถึง 4,955 ล้านบาท นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทยยังสามารถคว้ารางวัลบลจ.ยอดเยี่ยม จากเวที SET Awards 2018 มาครองได้สำเร็จ" นายวศินกล่าวต่อ
ขณะที่ในแง่ของส่วนแบ่งการตลาด บลจ.กสิกรไทย ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยกองทุนส่วนบุคคลมีตัวเลขเติบโตสูงสุด เมื่อเทียบกับ 3 ธุรกิจ โดยเติบโตที่ 22.1% ขณะที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเติบโต 16.1% ทั้งนี้ข้อมูล ณ สิ้นปี 2561 บลจ.กสิกรไทยมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) รวมอยู่ที่ 1.32 ล้านล้านบาท โดยแยกเป็นรายธุรกิจในส่วนกองทุนรวมอยู่ที่ 9.77 แสนล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 2.01 แสนล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคล 1.43 แสนล้านบาท โดยคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดจำแนกตามธุรกิจอยู่ที่ 19.9%, 17.9% และ14.3% ตามลำดับ (ข้อมูลจาก AIMC ณ 28 ธ.ค.2561)
สำหรับ มุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนในปี 2562 บลจ.กสิกรไทยมองว่าตลาดทั่วโลกยังคงมีความผันผวนสูง ดังนั้นกลยุทธ์ที่สำคัญจึงแนะนำให้ผู้ลงทุนกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ ทั้งนี้แม้ว่าเศรษฐกิจโลกในภาพรวมขยายตัวช้าลง แต่มุมมองการลงทุนในหุ้น บลจ.กสิกรไทยยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในเอเชีย และยุโรป เนื่องด้วยปัจจัยเรื่องระดับราคาหุ้นที่ซื้อขายในระดับที่ถูกกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับในภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะเอเชีย และไทย ที่เศรษฐกิจยังมีแนวโน้มขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ส่วนมุมมองตราสารหนี้คาดว่าอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้เอเชียยังมีความน่าสนใจมากกว่า แต่ยังต้องจับตาเรื่องความผันผวนค่าเงินเอเชียในระยะสั้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ไทยน่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาทั้งตราสารหนี้ระยะสั้นและระยะยาว แต่ก็ต้องติดตามผลกระทบจากปัจจัยภายนอกด้วยเช่นเดียวกัน
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน