- Details
- Category: บลจ.
- Published: Friday, 31 August 2018 11:07
- Hits: 3805
รัฐบาลเดินเครื่องเต็มกำลัง TFFIF ยื่น Filing เตรียมพร้อมระดมทุนให้ กทพ.
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund : TFFIF) ยื่นคำขออนุมัติและร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) สำหรับการเพิ่มทุนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหน่วยลงทุนต่อประชาชนเป็นการทั่วไปครั้งแรก ชูจุดเด่นเข้าลงทุนครั้งแรกในสิทธิในการรับรายได้ของค่าผ่านทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษบูรพาวิถีของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ที่ร้อยละ 45 ของรายได้ค่าผ่านทางรวมที่จัดเก็บได้จากทางพิเศษ เป็นระยะเวลา 30 ปี โดย กทพ. จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนของกองทุนไปใช้ในการก่อสร้างทางพิเศษใหม่ เพื่อขยายโครงข่ายทางพิเศษให้ครอบคลุม เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ประชาชน และยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย
นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า การจัดตั้งThailand Future Fund หรือ TFFIF เป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลในการเป็นแหล่งเงินทุนทางเลือกในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยการระดมทุนจากประชาชนทั่วไปผ่านกลไกของตลาดทุน เพื่อนำเงินที่ได้มาพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศได้เร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การระดมทุนด้วยวิธีการดังกล่าวจะแบ่งเบาภาระการคลังของภาครัฐในการพึ่งพาเงินงบประมาณแผ่นดินและเงินกู้ ซึ่งมีจำนวนจำกัด รวมทั้งไม่ต้องรอการสะสมรายได้ของรัฐวิสาหกิจ ซึ่ง TFFIF ยังเป็นการเปิดโอกาสให้แก่ผู้มีเงินออมหรือผู้ลงทุนที่สนใจสามารถเข้าลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่มีคุณภาพได้ด้วย
นายชาญวิทย์ นาคบุรี รองผู้อำนวยการ สคร. เพิ่มเติมว่า TFFIF จัดตั้งขึ้นภายใต้หลักเกณฑ์ของสำนักงาน ก.ล.ต. โดยในการลงทุนครั้งแรก TFFIF จะเข้าลงทุนในสิทธิในการรับรายได้ค่าผ่านทางพิเศษที่ร้อยละ 45 ของรายได้ค่าผ่านทางรวมที่จัดเก็บได้จากทางพิเศษที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบัน 2 เส้นทาง ได้แก่ ทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษบูรพาวิถี รวมระยะทางทั้งสิ้น 83.2 กิโลเมตร เป็นระยะเวลา 30 ปีนับจากวันที่กองทุนเข้าทำสัญญากับ กทพ. ทั้งนี้ กทพ. ยังคงเป็นผู้บริหารจัดการและเป็นเจ้าของทางพิเศษดังกล่าวอยู่
นายสุทธิศักดิ์ วรรธนวินิจ รองผู้ว่าการฝ่ายกฎหมายและกรรมสิทธิ์ที่ดิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กทพ. กล่าวว่า สำหรับทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษบูรพาวิถีที่ TFFIF เข้ามาลงทุนนั้น เป็นทางพิเศษที่มีความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาจราจรและช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนได้เป็นอย่างดี โดยทางพิเศษฉลองรัชมีระยะทาง 28.2 กิโลเมตร เริ่มจากจุดเชื่อมต่อกับถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันออก (บริเวณจตุโชติ) มุ่งหน้าเข้าเมือง ผ่านถนนสุขาภิบาล 5 รามอินทรา ลาดพร้าว พระราม 9 สุขุมวิท 50 เชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครบริเวณอาจณรงค์
ส่วนทางพิเศษบูรพาวิถีมีระยะทาง 55 กิโลเมตร ถือว่าเป็นทางพิเศษยกระดับที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีจุดเชื่อมต่อปลายทางพิเศษเฉลิมมหานคร (บริเวณบางนา) มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ผ่านบางพลี บางบ่อ บางสมัคร ข้ามแม่น้ำบางปะกงไปสิ้นสุดบริเวณก่อนถึงทางเลี่ยงเมืองชลบุรี นับเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าจากท่าเรือกรุงเทพไปยังนิคมอุตสาหกรรมและท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง
ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ กทพ. จะนำไปใช้ลงทุนพัฒนาทางพิเศษ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการทางพิเศษพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก และโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 และ E-W Corridor ด้านตะวันออก เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในย่านพระราม 3 และดาวคะนอง ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงโครงข่ายทางพิเศษให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย และเป็นการแบ่งเบาภาระทางการคลัง
ผู้อำนวยการ สคร. แจ้งว่า เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2561 TFFIF ได้ยื่น Filing ให้แก่สำนักงาน ก.ล.ต. เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีการกำหนดวันที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อหน่วยลงทุนโดยเร็วภายหลังจากสำนักงาน ก.ล.ต. อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนแล้ว โดยรูปแบบการจัดสรรหน่วยลงทุนในส่วนของผู้ลงทุนทั่วไปเป็นวิธี Small Lot First ตามหลักเกณฑ์ของสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกคนที่สนใจมีสิทธิ์จองซื้อหน่วยลงทุนและได้รับการจัดสรรอย่างเป็นธรรม
คำเตือน
• ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
• คำขออนุมัติเพื่อเพิ่มทุนจดทะเบียนเสนอขายหน่วยลงทุนที่ออกใหม่ของกองทุน TFFIF ต่อประชาชนเป็นครั้งแรกอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
• การลงทุนในหน่วยลงทุนส่วนเพิ่มทุนนี้ไม่ใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงจากการลงทุนซึ่งผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวน จึงไม่ได้อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวน และความเสี่ยงจากการลงทุนอย่างละเอียดรอบคอบก่อนลงทุน และเมื่อมีข้อสงสัยควรสอบถามผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนให้เข้าใจก่อนตัดสินใจซื้อหน่วยลงทุน โดยควรลงทุนเมื่อเห็นว่าการลงทุนในกองทุน TFFIF เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การลงทุนของตน และผู้ลงทุนยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนดังกล่าวได้
• ห้ามมิให้นำข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในเอกสารนี้ไปตีพิมพ์เผยแพร่หรือแจกจ่ายให้แก่บุคคลในสหรัฐอเมริกา เอกสารนี้มิใช่การเสนอขายหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา หรือประเทศอื่นใด หลักทรัพย์ที่ระบุไว้ในเอกสารนี้มิได้มีการจดทะเบียนและจะไม่มีการจดทะเบียนตามกฎหมายหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 1933 (รวมถึงที่แก้ไขเพิ่มเติม) (‘กฎหมาย หลักทรัพย์ของสหรัฐฯ’) หรือกฎหมายหลักทรัพย์ในรัฐใดๆ ของสหรัฐอเมริกา และอาจเสนอและขาย (ก) ในสหรัฐอเมริกา และให้แก่บุคคลอเมริกันนอกสหรัฐอเมริกาเฉพาะที่เป็น ‘ผู้ซื้อสถาบันที่มีคุณสมบัติ’ และ ‘ผู้ซื้อที่มีคุณสมบัติ’ตามกฎ 144 A หรือข้อยกเว้นอื่น หรือเฉพาะในธุรกรรมที่มิได้อยู่ภายใต้บังคับแห่งการจดทะเบียนตามกฏหมายหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ และ (ข) นอกสหรัฐอเมริกา โดยเสนอและขายให้แก่บุคคลที่มิใช่คนสหรัฐอเมริกา โดยอาศัยกฎ Regulation S ของ กฎหมายหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ผู้ออกหลักทรัพย์ไม่มีเจตนาที่จะจดทะเบียนส่วนหนึ่งส่วนใดของการเสนอขายในสหรัฐอเมริกา หรือทำการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนในสหรัฐอเมริกา อีกทั้ง มิได้จดและจะไม่มีการจดทะเบียนเป็นบริษัทจัดการการลงทุนตามกฎหมายบริษัทจัดการการลงทุนของสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 1940 (รวมถึงที่แก้ไขเพิ่มเติม)
• ห้ามมิให้นำเอกสารนี้ไปใช้ในการจัดทำบทความเพื่อตีพิมพ์ในสหรัฐอเมริกา
• การแจกจ่ายเอกสารนี้ในบางประเทศอาจเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ห้ามมิให้นำเอกสารนี้ไปแจกจ่ายในสหรัฐอเมริกา ประเทศออสเตรเลีย ประเทศแคนาดา หรือประเทศญี่ปุ่น ข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา ประเทศออสเตรเลีย ประเทศแคนาดา หรือประเทศญี่ปุ่น
เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์โดยบริษัท เอ็ม ที มัลติมีเดีย จำกัด (ในนามกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย) รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
อรอนงค์ ภัทรเวชกุล (ฟ้า) โทร: 02-612-2081 ต่อ 129 หรือ 086-801-8888 e-mail : [email protected]
พิภพ ฆ้องวง (ท้อป) โทร. 02-612-2081 ต่อ 124 หรือ 081-929-8864 e-mail: [email protected]