WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KAsset Navinบลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผลกองทุน K-JP ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย เผยเศรษฐกิจชะลอตัวแต่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังน่าสนใจ

         นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย มีกำหนดจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดเค ญี่ปุ่น หุ้นทุน (K-JP) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 - 30 มิถุนายน 2561 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อในสมุดทะเบียนเวลา 8.00 น. ของวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 และมีกำหนดจ่ายเงินในวันที่ 13 กรกฎาคม 2561 นี้ รวมมูลค่าการจ่ายปันผลทั้งสิ้นกว่า 74.99 ล้านบาท

      สำหรับ ผลการดำเนินงานของกองทุน K-JP ที่ผ่านมา นายนาวินกล่าวว่า นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อเดือนธันวาคม 2557 หากนับรวมการจ่ายปันผลในครั้งนี้ด้วย กองทุนมีประวัติการจ่ายปันผลแล้วทั้งสิ้น 7 ครั้ง รวมเป็นอัตรา 2.15 บาทต่อหน่วย ส่วนในรอบผลการดำเนินงาน 1 ปีที่ผ่านมา (1 ก.ค. 60 - 30 มิ.ย. 61) กองทุนมีการจ่ายปันผล 4 ครั้ง รวมทั้งสิ้นในอัตรา 0.80 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย (Dividend Yield) อยู่ที่ 7.5% ต่อปี ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 11.89% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 9.86% (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 61) ทั้งนี้เป็นผลมาจากความสามารถในการคัดเลือกหุ้นของผู้จัดการกองทุนหลัก ที่เน้นหุ้นที่มีอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้นต่ำ (P/E) และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นสูง (ROE)

        กองทุน K-JP มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก Schroder International Selection Fund Japanese Equity, Class A Acc ซึ่งบริหารจัดการโดย Schroder Investment Management (Luxembourg) S.A. บริษัทจัดการลงทุนชั้นนำระดับโลก โดยกองทุนหลักถือเป็นหนึ่งในกองทุนหุ้นญี่ปุ่นชั้นนำขนาดใหญ่ ที่มุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นบริษัทญี่ปุ่นที่มีผลประกอบการดี มีความสามารถในการแข่งขันสูง และมีความยั่งยืนในการเติบโตของธุรกิจ โดยไม่จำกัดหมวดหมู่ของอุตสาหกรรมหรือขนาดของบริษัท เพื่อความคล่องตัวในการลงทุน ทั้งนี้ กองทุน K-JP เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับค่อนข้างสูง และเป็นกองทุนที่มุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว อีกทั้งมุ่งหวังให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับกองทุนหลักให้มากที่สุด

                นายนาวิน กล่าวเพิ่มเติมว่าภาพรวมเศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศชะลอตัวลง ประกอบกับความไม่แน่นอนในตลาดโลกที่ส่งผลให้เงินเยนแข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นญี่ปุ่น รวมถึงสัญญาณเงินเฟ้อในสหรัฐฯ เริ่มสูงขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนเข้าถือเงินเยนเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนซึ่งแม้จะยังขยายตัวได้แต่มีแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอลงเช่นกัน

     "ส่วนมุมมองตลาดหุ้นญี่ปุ่น บลจ.กสิกรไทยยังคงมีมุมมองเชิงบวก จากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ซึ่งจะช่วยหนุนสภาพคล่องในระบบ รวมถึงนโยบายภาครัฐยังคงมีเสถียรภาพ ประกอบกับระดับราคาหุ้นญี่ปุ่นที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และถูกกว่าเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ ดังนั้น บลจ.กสิกรไทย แนะนำให้ผู้ที่สนใจลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นรอประเมินสถานการณ์ก่อนลงทุน สำหรับนักลงทุนปัจจุบันที่มีการลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น แนะนำให้ถือต่อเนื่องเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จะต้องติดตาม คือประเด็นเรื่องการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนที่ยังมีความผันผวนต่อเนื่องด้วย" นายนาวินกล่าว

     สำหรับ ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุน K-JP ของบลจ.กสิกรไทย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com

 

กองทุน รอบผลการดำเนินงาน           อัตราเงินปันผล (บาท/หน่วย)

K-JP   1กรกฎาคม2560-30มิถุนายน2561 0.20

 

*คิดจากมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ณ วันที่ 29 มิ.ย. 61

      ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุน ได้ที่ www.kasikornasset.com หรือ บลจ.กสิกรไทย หรือธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือขอข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลที่เสนอขายหน่วยลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุน K-JP ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ทั้งนี้ เนื่องจากกองทุนมิได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจึงอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!