- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Monday, 12 August 2024 13:08
- Hits: 7134
AIT เผยผลงานครึ่งปีแรก 2567 ทำกำไรสุทธิโต 23% กวาดรายได้ 3,551 ล้านบาท บอร์ดเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.15 บาท หนุนผลงานปี 67 ทำรายได้แตะ 6,800 ล้านบาท พร้อมเผยความคืบหน้าธุรกิจคาร์บอนเครดิต เร่งขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน
‘บมจ. แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี’ หรือ (AIT) เผยผลงานการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 ทำรายได้จากงบเฉพาะกิจการ 1,867 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 139 ล้านบาท หนุนผลงานในครึ่งแรกปี 2567 รายได้จากงบเฉพาะกิจการ 3,551 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% และมีกำไรสุทธิ 271 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% ฟากบอร์ดเคาะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท ย้ำภาพ Dividend Stock มั่นใจรายได้ปี 2567 ทำได้ 6,800 ล้านบาทตามเป้า พร้อมเผยความคืบหน้าธุรกิจคาร์บอนเครดิต
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้นำในธุรกิจรับเหมาระบบสารสนเทศและการสื่อสารอย่างครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 (เมษายน-มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้จากงบเฉพาะกิจการอยู่ที่ 1,867 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 1,703 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 123 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 (มกราคม-มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้จากงบเฉพาะกิจการ 3,551 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 271 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 220 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่เติบโตเป็นผลจากการรับรู้รายได้จากงานโครงการขนาดใหญ่ที่มีขนาดมูลค่าโครงการที่สูงกว่า โดยโครงการขนาดใหญ่ที่สำคัญที่ส่งมอบในไตรมาส 2 ปี 2567 เช่น โครงการจ้างก่อสร้างปรับปรุงสถานีไฟฟ้าเสื่อมสภาพ สถานีไฟฟ้าบางสมัคร จ.ฉะเชิงเทรา ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, โครงการจัดหาอุปกรณ์สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานและบริหารจัดการผู้ใช้งานระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ป้องกันการบุกรุกจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ของสำนักงานประกันสังคม และโครงการจ้างบำรุงรักษางานด้านเทคโนโลยี สารสนเทศและสื่อสาร ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นต้น นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของรายได้จากงานโครงการที่มีจำนวนและมูลค่าโครงการที่สูงกว่า ทำให้สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายคงที่ได้มากขึ้นส่งผลให้การทำกำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้น
เพื่อตอกย้ำว่า AIT เป็นหนึ่งในหุ้นปันผล (Dividend Stock) ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้พิจารณาจากงบเฉพาะกิจการและอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2567 (มกราคม-มิถุนายน) ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 22 สิงหาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 กันยายน 2567
ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AIT กล่าวว่า สำหรับในปี 2567 บริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 6,800 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มองเห็นโอกาสในการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการสื่อสาร ภายหลังจากที่รัฐบาลได้รับอนุมัติงบประมาณปี 2567 โดยเฉพาะในส่วนแผนงานบูรณาการรัฐบาลดิจิทัล คาดว่าภาครัฐจะเร่งดำเนินการเพื่อให้การพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น โอกาสในการเข้าประมูลงานของภาครัฐจะมากขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามแผน
โดย ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2567 บริษัทฯ มีมูลค่างานที่มีอยู่ในมือ (Backlog) จำนวน 5,300 ล้านบาท โดยมีมูลค่างานที่อยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อจากลูกค้า (Waiting for P/O) จำนวน 55 ล้านบาท และเตรียมพร้อมเข้าประมูลงานภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีมูลค่างานไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ด้านความคืบหน้าของแผนการลงทุนในธุรกิจสีเขียวเพื่อสร้าง New S-curve ผ่าน 2 บริษัทร่วมทุน โดยบริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายธุรกิจคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้อย่างครบวงจร ผ่านบมจ. ซีโร่ ซีโอทู (Zero Co2) ในการดำเนินงานให้บริการโซลูชั่นด้านคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการเรื่องทางทะเบียน ด้านการให้บริการระบบจัดทำรายงานคาร์บอนฟุตพรินท์แบบอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยี IoT และ AI (Automate Carbon Footprint Report) ซึ่งดำเนินการผ่าน บจก. คาร์บอนลีด ปัจจุบันได้มีการพัฒนาแพลตฟอร์มการจัดการก๊าซเรือนกระจกเสร็จสิ้นและพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าแล้ว
นอกจากนี้ สำหรับความคืบหน้าโครงการปลูกป่าประมาณ 1,000 ไร่ ปัจจุบันดำเนินการปลูกป่าครบถ้วน 100% โดยปลูกต้นกล้าสักทั้งหมดจำนวน 223,600 ต้น อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างดำเนินการปลูกต้นกล้าสักซ่อมระยะที่ 1 เนื่องจากต้นกล้าสักที่ปลูกไปก่อนหน้านี้มีอัตราการตายประมาณ 20-30% รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงชื่อโครงการจากเดิม “โครงการซื้อขายคาร์บอนเครดิตและการปลูกป่าสักเชิงเศรษฐกิจ” เป็น “โครงการป่าสักเพื่อคาร์บอนเครดิต”
8312