- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Saturday, 25 May 2024 07:34
- Hits: 4914
IRPC เร่งปรับพอร์ตธุรกิจ ตั้งเป้าผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษสูงถึง 50% ภายในปี 2568 สเปรดปิโตรฯเพิ่ม ดีมานด์ ABS หนุน เดินเครื่องโรงกลั่น 100%
บริษัท IRPC เดินหน้ากลยุทธ์ 5 ปีตามเป้าทั้งสร้างความเข้มแข็งธุรกิจหลักปิโตรเลียมและปิโตรเคมี พร้อมผลิตจำหน่ายน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 กว่า 9 หมื่นบาร์เรลต่อวัน รุกพัฒนาเม็ดพลาสติกชนิดพิเศษเพิ่มสัดส่วนการขายสูงถึง 50% ในปี 2568 มั่นใจไตรมาส 3 ปี 2567 ธุรกิจปิโตรเลียมโตตามดีมานด์ในสหรัฐฯ ที่มากขึ้น ส่งผลดีต่อ IRPC แน่นอน พร้อมเตรียมเดินเครื่องผลิต ABS เต็มกำลังผลิต เดือน พ.ค. 2567 นี้
นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการตามกลยุทธ์ 5 ปี (2567 – 2571) ว่า บริษัทฯ มีกลยุทธ์สร้างความเข้มแข็งของธุรกิจหลัก (Core uplift) 2 ประเภท ได้แก่ 1. ธุรกิจปิโตรเลียม ซึ่ง บริษัทฯ สามารถผลิตและจำหน่ายน้ำมันสะอาดดีเซลกำมะถันต่ำตามมาตรฐานยูโร 5 ตั้งแต่ปลายปี 2566 ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 93,500 บาร์เรลต่อวัน ตามแผนกลยุทธ์ ‘Domestic first’ ที่มุ่งขยายสัดส่วนการจำหน่ายน้ำมันในประเทศผ่านเครือข่ายคลังน้ำมันทั่วประเทศ รวมทั้งขยายความร่วมมือกับผู้ค้าน้ำมันในประเทศอีกด้วย
และ 2. ธุรกิจปิโตรเคมี ซึ่งบริษัทฯ ได้เพิ่มสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty products) ให้ได้ 38% ภายในปี 2567 และ 50% ในปี 2568 ด้วยกลยุทธ์ 'Specialty boost' เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน โดยใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและประสบการณ์อันยาวนาน โดยมีความสำเร็จในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2567\
อาทิ ด้านธุรกิจท่อและโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ เม็ดพลาสติก POLIMAXX HDPE 100 RC ใช้ในการผลิตท่อทนต่อแรงดันและรับแรงกระแทกสูง ตามมาตรฐาน EN1555-2021 อายุใช้งานยาวนานถึง 50 ปี สามารถติดตั้งท่อแบบเจาะลอดใต้ผิวดิน ช่วยลดปัญหาการขุดเจาะและเปิดหน้าดิน ลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการติดตั้ง ปัจจุบันบริษัทฯ ส่งออกเม็ดพลาสติก POLIMAXX PE100 RC ไปยังหลายภูมิภาค เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอฟริกาและอินเดีย เป็นต้น
และเม็ดพลาสติก POLIMAXX PPR ใช้ในการผลิตท่อที่ทนต่อแรงขีดข่วนและแรงดัน ทนต่อสารเคมีได้มากกว่าท่อน้ำประปาทั่วไป มีความปลอดภัยเพราะผลิตจากเทคโนโลยีแบบไร้สารทาเลต (Non Phthalate) เหมาะสำหรับผลิตท่อน้ำร้อนน้ำเย็นในครัวเรือน คอนโดและโรงงานอุตสาหกรรม สามารถเชื่อมต่อกันระหว่างท่อได้โดยใช้ความร้อนและมีอายุการใช้งานยาวนาน
ด้านธุกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและสุขอนามัย ซึ่งเม็ดพลาสติก POLIMAXX PP Spunbond และ PP Meltblown (พีพี สปันปอนด์และ พีพี เมลต์โบลน) สำหรับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและสุขอนามัย เช่น หน้ากาก N95 ชุดกาวน์ ชุด PPE ผ้าอ้อมเด็กและผู้ใหญ่ รวมถึงแผ่นกรองต่างๆ ที่มีความปลอดภัยสูงเพราะไม่มีสารทาเลต (Phthalate free)
ด้านธุรกิจยานยนต์ และอิเล็คทรอนิกส์นั้น มี Acetylene Black (ACB) (อะเซติลีนแบล็ก) ซึ่งมีคุณสมบัติการนำไฟฟ้า ลดไฟฟ้าสถิตย์ ช่วยในการถ่ายเทประจุความร้อน ดูดซึมความชื้นต่ำ มีความบริสุทธิ์สูง สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย เช่น แบตเตอรี่ในรถยนต์ อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ และระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System: ESS) เป็นต้น
ด้านธุรกิจสีและสารเคลือบ บริษัทฯ ได้ร่วมกับบริษัท เบเยอร์ จำกัด พัฒนาผลิตภัณฑ์สีและสารเคลือบมาตรฐานโลกเป็นครั้งแรกของประเทศ ด้วยส่วนผสม Polytetrailuoroethyene (PTFE) ที่มีคุณสมบัติพิเศษมีความทนทานต่อสภาพอากาศที่รุนแรง ช่วยยืดอายุการใช้งานโครงสร้างเหล็กถึงสามเท่า สำหรับใช้เคลือบโครงสร้างเหล็กในโรงกลั่นน้ำมัน โรงงานปิโตรเคมี สนามบิน ท่าเรือและสะพาน เป็นต้น
สำหรับ ความก้าวหน้าในกลยุทธ์การลงทุนแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ (Step up & Beyond) บริษัทฯ ได้ลงทุนใน บริษัท วิสอัพ จำกัด (VISUP)ในสัดส่วน 22% โดยมีความสนใจในเทคโนโลยีกลุ่ม Digital Temperature Indicator (DTI) ที่ร่วมกันวิจัยและพัฒนา รวมถึงต่อยอดกับ หมึกนำไฟฟ้า (Conductive ink) ของบริษัทฯ โดยประยุกต์ใช้สำหรับบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ สามารถติดตามสินค้า ตรวจสอบสภาพสินค้า และให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคได้
“บริษัทฯ มุ่งมั่นดำเนินนโยบายทำธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ลดต้นทุนการผลิต และต้นทุนพลังงานจากความไม่แน่นอนต่างๆ บริษัทฯ พร้อมลงทุนในธุรกิจที่มีการเติบโตสูง และมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2603”
นายกฤษณ์ กล่าวด้วยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2567 คาดว่า ผลประกอบการจะเป็นบวกและเติบโตขึ้นจากปี 2566 ซึ่งจะเป็นการขยายตัวตามแผนธุรกิจที่ตั้งไว้ โดยจะเห็นได้จากไตรมาสแรกในปี 2567 นี้ ผลการดำเนินงานมีกำไร แม้ว่าไตรมาส 2 ของปีนี้ ผลการดำเนินงานจะมีแนวโน้มอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว แต่เชื่อว่าในไตรมาส 3 ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ (สเปรด) ธุรกิจปิโตรเลียมจะเริ่มดีขึ้นตามดีมานด์ความต้องการใช้น้ำมันจากเทศกาลเดินทางท่องเที่ยวในสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจแก๊สโซลีน
ขณะที่สเปรดธุรกิจปิโตรเคมียังดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะสเปรดของผลิตภัณฑ์ ABS จะยังอยู่ในระดับสูงจนถึงสิ้นปี 2567 นี้ ปัจจุบันสเปรดABS อยู่ที่ประมาณ 700 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 350 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน และต้องเดินกำลังการผลิต ABS เต็มที่ ราว 1.8 แสนตันต่อปี ซึ่งจะเริ่มกลับมาเดินเครื่องเต็มกำลังผลิตได้ในช่วงปลายเดือน พ.ค.2567 นี้ จากก่อนหน้านี้ต้องหยุดซ่อมบำรุง และลดกำลังผลิตลงเหลือราว 40%
“ปี2568 ผลการดำเนินงานจะดีขึ้นจากปี 2567 แม้จะไม่ดีเท่ากับอดีต แต่จะเติบโตตามแผนธุรกิจที่ประเมินว่าธุรกิจปิโตรเคมีจะ recovery ในปี 2568”
ส่วนนโยบายกระตุ้นการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของภาครัฐผ่านมาตรการของบีโอไอนั้น เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อผลิตภัณฑ์ ABS ที่เป็นส่วนประกอบของรถ EV และหากบริษัทที่ลงทุนผลิตรถ EV เริ่มการผลิตก็จะส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขาย ABS ในประเทศให้กับบริษัทเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันบริษัทส่งออก ABS สัดส่วน 60% และขายในประเทศ 40%