- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Saturday, 27 April 2024 18:29
- Hits: 9537
SPREME สุดฮอต! ไอพีโอขายเกลี้ยง 200 ล้านหุ้น ลั่นระฆังเทรดใน SET 2 พ.ค.นี้ ลุยประมูลงานขนาดใหญ่ภาครัฐ ดันผลงานปี 67 โต Double-Digit
บมจ.สุพรีม ดิสทิบิวชั่น หรือ SPREME หุ้น ICT อนาคตไกล ขายเกลี้ยง 200 ล้านหุ้น สะท้อนความเชื่อมั่นธุรกิจเติบโตยั่งยืน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน System Integrator และบริการบำรุงรักษาและซ่อมแซมระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงหลังการขาย และการให้เช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ‘ธีรฉัตร ศิลปสนธยานนท์’ ในฐานะแกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น ระบุหุ้น SPREME ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วไปอย่างคึกคัก เตรียมลงสนามเทรด SET วันที่ 2 พ.ค.นี้ ขณะที่ ‘วรชาติ ทวยเจริญ’ ที่ปรึกษาทางการเงิน ชี้จุดเด่นมีความเชี่ยวชาญงานประมูลภาครัฐกว่า 20 ปี จ่อขึ้นแท่นหุ้นไอพีโอน้องใหม่ขวัญใจนักลงทุน ฟากซีอีโอ ‘ภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล’ พร้อมเดินหน้าประมูลโครงการขนาดใหญ่มากกว่า 1 พันล้านบาท ลุยทำ M&A ต่อยอดธุรกิจเทคโนโลยีฯ ดันรายได้ปีนี้โต Double-Digit
นายธีรฉัตร ศิลปสนธยานนท์ ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของ บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SPREME เปิดเผยว่า ผลการจองซื้อหุ้นไอพีโอของ SPREME จำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.60 บาท ระหว่างวันที่ 23-25 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของ SPREME ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน System Integrator ที่มีศักยภาพการเติบโตในอนาคต สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศไทยเข้าสู่รูปแบบ เมืองอัจฉริยะ (Smart City) และความปลอดภัยสาธารณะ (Public Safety)
ทั้งนี้ การที่หุ้น SPREME ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากการกำหนดราคาหุ้นอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับประมาณ 12.29 เท่า ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม โดยหุ้น SPREME เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT ขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่พร้อมใจล็อคอัพเต็มจำนวน 100%
นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า จุดเด่นของ SPREME คือ มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการประมูลงาน และดำเนินงานโครงการระบบสารสนเทศกับภาครัฐมากกว่า 20 ปี ตั้งแต่ปี 2545 จึงทำให้บริษัทฯ ได้รับความเชื่อมั่นจากหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการที่บริษัทฯ ประมูลงานได้อย่างสม่ำเสมอ ทั้งยังเป็นพันธมิตรกับคู่ค้ารายใหญ่ซึ่งเป็นผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงระดับสากล เช่น HP, Lenovo, Acer, Apple, Intel, DELL, Epson, Canon, Brother, LG, Xerox, Samsung, Cisco, D-Link, Aruba, Axis, Boss, Honeywell, Microsoft และ VMWare ทำให้สามารถจัดหาผลิตภัณฑ์ได้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทั้งในด้านคุณภาพสินค้าและจำนวนในการส่งมอบอย่างตรงต่อเวลา
ปัจจุบัน SPREME ประกอบธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยเป็นผู้ออกแบบ ติดตั้ง และจัดจำหน่ายระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบเครือข่าย อย่างครบวงจร (SI : System Integrator) พร้อมทั้งให้บริการซ่อมแซม บำรุงรักษา และการให้เช่าอุปกรณ์ โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. ธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบเครือข่าย (ธุรกิจจำหน่ายและติดตั้ง), 2. ธุรกิจให้บริการดูแลบำรุงรักษาและซ่อมแซมระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง (ธุรกิจ MA) และ 3. ธุรกิจให้เช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง
นายภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SPREME กล่าวว่า หลังเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯ พร้อมเข้าประมูลโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐในระดับมูลค่า 1 พันล้านบาทขึ้นไป และเตรียมลงทุนซื้อกิจการเพื่อต่อยอดธุรกิจเดิมของบริษัทฯ (M&A) โดยเน้นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิมของ SPREME คาดว่าจะสนับสนุนรายได้รวมปี 2567 เติบโตระดับDouble-Digit
“ภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯได้รับการยอมรับจากคู่ค้าและพันธมิตร รวมถึงสามารถเพิ่มศักยภาพในการประมูลงานขนาดใหญ่ในระดับ 1 พันล้านบาทขึ้นไป ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตในอนาคตได้เป็นอย่างดี” นายภานุวัฒน์กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,276.41 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. รายได้จากธุรกิจจำหน่ายและติดตั้ง จำนวน 1,108.81 ล้านบาท, 2. ธุรกิจ MA จำนวน 97.17 ล้านบาท, 3. ธุรกิจให้เช่า จำนวน 50.34 ล้านบาท, 4. รายได้อื่นๆ 20.09 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 156.59 ล้านบาท
4839