- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Friday, 01 March 2024 23:05
- Hits: 8162
CHOW โชว์ผลงานปี 66 กำไรต่อเนื่อง มั่นใจปี 67 เหล็ก-ไฟฟ้าติดเทอร์โบโตต่อทั้ง 2 ขาธุรกิจ
CHOW โชว์ผลงานปี 66 มีกำไรจากผลการดำเนินงานทั้งธุรกิจเหล็กและไฟฟ้า มั่นใจส่งโมเมนตั้มต่อหนุนปี 67 ธุรกิจโตก้าวกระโดดทั้งสองขาธุรกิจ หลังธุรกิจเหล็กรับแรงส่งภาคก่อสร้างฟื้นตัว ความต้องการเหล็กพุ่งทั้งส่วน OEM และเทรดดิ้ง ขณะธุรกิจพลังงานทดแทนผลงานเยี่ยมจากจับมือกองทุนยักษ์ใหญ่ BlackRock ต่อยอดธุรกิจลุย Solar Rooftop ในประเทศ และกระแสลดโลกร้อนเพื่อสิ่งแวดล้อม ที่กำลังมีผลกับทุกภาคธุรกิจ เผยพร้อมรับทุกโอกาส หลังเตรียมความพร้อมรองรับอย่างดีทั้งบุคลากร เทคโนโลยี พันธมิตรและฐานเงินที่แข็งแกร่ง
นายปรมัตถ์ จุฬวนิช ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน (CFO) บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศ และธุรกิจพลังงานทดแทนประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ ผ่านบริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) บริษัทย่อย เปิดเผยถึงผลประกอบการประจำงวดปี 2566 ว่า มีผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจในทุกๆ Business Unit ซึ่งสะท้อนถึงกลยุทธ์ต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจที่เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของฝ่ายบริหาร นอกจากนั้น ยังเป็นการสร้างพื้นฐานการเจริญเติบโตของธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ ทั้งธุรกิจเหล็กและธุรกิจพลังงานทางเลือก
ในปี 2566 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้รวม 3,795.81 ลบ. ซึ่งเติบโตจากปีที่ผ่านมา 1,086.54 ลบ หรือคิดเป็นอัตราการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 40.1 ซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายได้ ส่วนใหญ่เกิดจากการการขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเหล็กแท่ง และเหล็กเส้น โดยมีรายได้จากธุรกิจเหล็ก 2778.57 ล้านบาท รายได้ธุรกิจพลังงานจากการขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้า Solar Rooftop ที่ทยอยขายไฟในระหว่างปีและธุรกิจ EPC Turnkey รวม 590.73 ล้านบาท และมีรายได้ซึ่งเป็นกำไรจากการร่วมลงทุนกับกลุ่ม BlackRock จำนวน 426.51 ล้านบาท
โดยในธุรกิจเหล็กเติบโตแบบก้าวกระโดดจากปี 2565 ร้อยละ 147.1 ซึ่งเกิดจากการขยายฐานลูกค้า Trading ไปยังกลุ่มลูกค้าเหล็กเส้นที่มากยิ่งขึ้น ซึ่งเกิดจากความต้องการเหล็กในตลาดที่เพิ่มมากขึ้น และบริษัทฯ มีความสามารถในการผลิตสินค้าที่มีความหลากหลาย สามารถรองรับคำสั่งซื้อได้มากยิ่งขึ้น ในขณะที่ธุรกิจผู้รับจ้างผลิตเหล็กแท่งบิลเลตตามคำสั่งซื้อของลูกค้า (OEM) บริษัทฯ ได้รับคำสั่งผลิตในปี 2566 สูงที่สุดตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งคาดว่าในปี 2567 หากความต้องการเหล็กในตลาดยังขยายตัวต่อเนื่อง บริษัทฯ ก็จะสามารถสร้างรายได้จากการให้บริการ OEM เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง
ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน กล่าวต่อถึง ธุรกิจพลังงานว่า ในปี 2566 กลุ่มบริษัทฯ มีโครงการผลิตไฟฟ้าที่ขายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว รวมจำนวน 35.8 เมกะวัตต์ ดังนั้น จึงรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าได้เต็มงวด และ ในปัจจุบันนี้กลุ่มบริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าที่สร้างเสร็จแล้วและพร้อมที่จะ COD ทันทีที่ได้รับใบอนุญาตขนานไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฯ อีกจำนวน 4.22 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกรวมทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 73 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอย COD เพิ่มเติมในปี 2567 และเมื่อรวมโครงการใน Pipeline จะทำให้บริษัทฯ มีโครงการที่จะจำหน่ายไฟและกำลังพัฒนาประมาณ 240-250 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปี 2567
ในขณะที่การร่วมทุนกับกองทุน BlackRock เพื่อลงทุนในการประกอบธุรกิจและให้บริการให้คำปรึกษาละติดตั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ดำเนินการในประเทศไทย โดยได้เข้าซื้อหุ้นในกลุ่มการดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าในประเทศไทยจำนวนร้อยละ 49 ของทุนจดทะเบียนในราคายุติธรรม ซึ่งถือว่ากลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของ CHOWมาในแนวทางที่ถูกต้อง ถูกที่และถูกเวลา ซึ่งสามารถสร้างผลประโยชน์สูงสุดต่อกลุ่มผู้ถือหุ้น และยังคงสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยังยืนในอนาคต เนื่องจากการเข้าร่วมลงทุนกับกองทุน BlackRock จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจทางด้าน Solar Rooftop ของกลุ่ม CHOW สู่เวทีสากล ซึ่งจะมีผลบวกในด้านความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจมากยิ่งขึ้นทั้งในด้านเงินทุน ความสามารถในการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อใหม่ๆ ที่มีต้นทุนทางการเงินต่ำ และส่งเสริมในด้านของภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรและเป็นที่รู้จักในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น
“มั่นใจว่าในปี 2567 CHOW มีทิศทางเติบโตต่อเนื่องจากปี 2566 หลังจากมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการทั้งในธุรกิจเหล็ก และธุรกิจพลังงาน โดยในธุรกิจเหล็กปัจจัยหนุนจะมาจากการเริ่มฟื้นตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้างในโครงการขนาดใหญ่ของทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เหล็กที่ใช้ในธุรกิจก่อสร้างฟื้นตัวในทิศทางเดียวกัน ส่วนธุรกิจพลังงานมีทิศทางเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ต่อเนื่องจากปี 2566 โดยปัจจัยหลักมาจากภาคเอกชนให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม และให้ความร่วมมือแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ โดยตั้งเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ net zero โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการส่งออก โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายจะมีโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาเพิ่มเป็น 250 เมกะวัตต์ในปีนี้ ในขณะที่ธุรกิจพลังงานในต่างประเทศยังเดินหน้าต่อไปทั้งในญี่ปุ่น และออสเตรเลีย”
นายปรมัตถ์ กล่าวอีกว่า เชื่อว่า ปี 2567 จะเป็นปีที่ธุรกิจของ CHOW เติบโตได้อย่างโดดเด่น จากที่มีฐานทุนแข็งแกร่ง สามารถขยายธุรกิจได้อย่างคล่องตัว ทั้งจากกระแสเงินสดของบริษัทฯ เอง และการสนับสนุนด้านสินเชื่อจากธนาคารชั้นนำ นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรที่มีความสามารถ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและ supply chain ที่แข็งแกร่งทำให้เข้าถึงแหล่งวัตถุดิบและอุปกรณ์ ในราคาที่แข่งขันในตลาดได้อย่างคล่องตัว ซึ่งความพร้อมเหล่านี้จะทำให้ CHOW สามารถขยายธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยสร้างรายได้และกำไรให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
3038