WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

6952 STECH Songsak

STECH มั่นใจผลงาน H2 โตกว่าครึ่งปีแรกทั้งรายได้-กำไร พร้อมเดินเครื่องโรงงานผลิตลวดเหล็ก Q4 ปีนี้

          “บมจ. สยามเทคนิคคอนกรีต หรือ STECH” แย้มแนวโน้มครึ่งปีหลังสัญญาณดี เติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก หลังได้รัฐบาลชัดเจน ลุ้นงานโครงสร้างพื้นฐานฟื้น หนุนผลงานปีนี้โตตามแผน ล่าสุดตุน Backlog 1,200 ลบ. ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้และปีหน้า เดินหน้าประมูลงานใหม่มูลค่ากว่า 1,400 ลบ. พร้อมเดินเครื่องโรงงานผลิตลวดเหล็กในไตรมาส 4/66 นี้ เป็นโรงงานลวดเหล็กเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้ธีม “ลวดรักษ์โลก” 

          นายทรงศักดิ์ ปิยะวรรณรัตน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ STECH เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 มั่นใจว่าทั้งรายได้และกำไรจะดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยบวกจากการที่ STECH ต้นทุนการแข่งขันจะดีขึ้นเนื่องจากมีโรงงานผลิตลวดเหล็กซึ่งจะเริ่มการผลิตเชิงพานิชย์ได้ในไตรมาส 4/66 นี้ โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทได้มีความเข้มงวดและระมัดระวังการปล่อยเครดิตให้ลูกค้าสูงมาก จะเน้นขยายเฉพาะงานที่สามารถเก็บเงินได้ตามกำหนดเท่านั้น ทั้งนี้ แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2566 จะดีขึ้นกว่าช่วงไตรมาส 2/2566 ที่ผ่านมา และจะดีขึ้นต่อเนื่องถึงไตรมาส 4/2566 ตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับการได้รัฐบาลชุดใหม่ที่ชัดเจน ซึ่งจะทำให้งานโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศออกมามากขึ้นด้วย 

          “ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สภาพคล่องของประเทศค่อนข้างตึง เพราะประสบกับปัญหาหลายๆ อย่าง เราจึงต้องระมัดระวังในการขายของมากขึ้น ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกรอบการรับเงินยาวขึ้น เพราะลูกค้าขอยืดระยะเวลาในการจ่ายเงินออกไปบ้าง จึงกระทบกับการรับรู้รายได้ของเราอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้น่าจะดีขึ้น จากการมีรัฐบาลที่ชัดเจน ก็คาดว่าจะเริ่มมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง ซึ่งก็จะส่งผลดีกับ STECH ด้วย เพราะบริษัทเราขายผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานอยู่แล้ว” นายทรงศักดิ์ กล่าว 

          ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) มูลค่ารวมประมาณ 1,200 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2566 และจะมีบางส่วนที่จะทยอยรับรู้ถึงปี 2567 นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการติดตามงานที่ได้ยื่นประมูลไปแล้ว มูลค่ารวมประมาณ 1,400 ล้านบาท 

          นายทรงศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2566 บริษัทเชื่อว่ารายได้รวมจะเติบโตขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,125.48 ล้านบาท แม้ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้น และผลักดันภาพรวมของทั้งปีให้เติบโตได้มากกว่าก่อน 

          ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตลวดเหล็ก ที่จังหวัดชลบุรี ขนาดกำลังการผลิตที่ 2,000 ตันต่อเดือน ซึ่งอยู่บนพื้นที่เดียวกันกับโรงงานคอนกรีตแห่งที่ 10 โดยจะเริ่มการผลิตเชิงพานิชย์ได้ในไตรมาส 4/66 นี้ ซึ่งสินค้าใหม่ราว 30% จะใช้ในการพัฒนาโครงการของบริษัท และที่เหลือดำเนินการขายให้กับลูกค้าส่วนต่างๆ อีกทางหนึ่ง เพื่อเข้าสู่การสร้าง New S-Curve ในธุรกิจใหม่ และการบริหารต้นทุนได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เนื่องจากต้นทุนค่าลวดนับเป็นประมาณ 20-30% ของต้นทุนการผลิต และจะกลายเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต สร้างฐานกำไรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น 

          บริษัท สยามสตีลไวร์ จำกัด เป็นบริษัทลูกของ STECH ถือหุ้น 100% ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายลวดเหล็ก บริษัทฯ ได้มีการออกแบบโรงงาน และสั่งเครื่องจักรที่ทันสมัยจากประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่รักษาสิ่งแวดล้อม โดยเครื่องจักรที่ติดตั้งโรงงานผลิตลวดเหล็ก เป็นเครื่องจักรที่มีความทันสมัยที่สุดในขณะนี้ ซึ่งโดยปกติโรงงานผลิตลวดเหล็กโดยทั่วไปจะใช้น้ำกรดในการทำความสะอาดลวด แต่โรงงานผลิตลวดเหล็กของ STECH จะไม่ใช้ระบบน้ำกรด แต่จะใช้วิธีการดัดลวดแล้วใช้กระดาษทรายทำความสะอาด ซึ่งเป็นโรงงานลวดเหล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้ธีม “ลวดรักษ์โลก” 

 

 

A10046

Click Donate Support Web 

Banner GPF720x100 PX

CKPower 720x100

MTL 720x100

kasat 720x100TOA 720x100

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100

iconmotor

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!