- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Tuesday, 16 May 2023 20:42
- Hits: 1617
PR9 ชี้ธุรกิจ Q2/66 โตดีรับอานิสงส์หลังสงกรานต์ หนุนยอดผู้ป่วยพุ่ง-ตั้งเป้าปี 66 รายได้ 4.6 พันล.
PR9 ชี้ธุรกิจไตรมาส 2/66 โตดี รับอานิสงส์หลังสงกรานต์ แรงหนุนยอดผู้ป่วยพุ่ง ลุยขยายเครือข่ายส่งต่อผู้ป่วย เปิดทางต่างชาติเข้ารักษาในประเทศ รุกตลาดใหม่ตะวันออกกลาง พร้อมผุดบริการ “9care” ยกระดับการดูแลโรคยากซับซ้อน อาทิ ไต หัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ฯลฯ ผ่านอุปกรณ์การแพทย์และ Smart watch เชื่อมต่อระบบ Telemedicine ปรึกษาแพทย์ได้จากทุกที่ทั่วโลก เดินหน้าลงทุนด้านบุคลากรสร้างที่พักบุคลากรทางการแพทย์ตามแผน มั่นใจเป้ารายได้ทั้งปี 66 โต 4.6 พันล้านบาท ผลงานไตรมาส 1/66 รายได้ 967.9 ล้านบาท กำไรสุทธิ 108.8 ล้านบาท
นพ.เสถียร ภู่ประเสริฐ รองประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน)(PR9) ผู้ดำเนินธุรกิจสถานพยาบาลเอกชนประเภทรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2/66 เติบโตดี แม้ว่าไตรมาส 2 ของทุกปีปกติเป็นช่วง Low season แต่ในปีนี้ได้รับอานิสงส์หลังช่วงสงกรานต์ที่มี Covid สายพันธุ์ใหม่ รวมถึงปริมาณผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากกลุ่มผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) สะท้อนถึงศักยภาพและความน่าเชื่อถือของโรงพยาบาลในการรองรับการรักษาโรคซับซ้อนได้ดี ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้ยังคงมีความจำเป็นและความต้องการรักษาพยาบาลที่มีความซับซ้อนสูง
ขณะเดียวกันบริษัทคาดว่าเริ่มเห็นผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะคนจีน เนื่องจาก โรงพยาบาลตั้งอยู่ในย่านที่คนจีนพักอาศัย โดยคนจีนเดินทางมารักษาในส่วนของการตรวจสุขภาพ, เสริมความงาม และผู้มีบุตรยาก (IVF) ประกอบกับผู้ป่วยในแผนกเฉพาะทางต่างๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดบริษัทเปิดศูนย์บริการต่างๆ อย่างเป็นทางการ อาทิ บริการใหม่ “9care” เพื่อยกระดับการดูแลโรคยากซับซ้อน อาทิ โรคไต โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ฯลฯ ผ่านอุปกรณ์ทางการแพทย์และ Smart watch เช่น การวัดค่าน้ำตาล, ความดันโลหิต, การเต้นของหัวใจ ฯลฯ เชื่อมต่อกับระบบ Telemedicine ที่สามารถปรึกษาแพทย์ได้จากทุกที่ทั่วโลก และศูนย์นิทรารมย์ (Sleep center) ได้รับกระแสตอบรับที่ดี สามารถขยายฐานลูกค้าเพิ่มและเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยคาดว่าจะเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ บริษัทมองว่าช่วงปลายไตรมาส 2/66 เป็นต้นไป จะเริ่มส่งต่อผู้ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า กัมพูชา และลาว โดยจะร่วมมือกันส่งต่อเคสมารักษาที่ PR9 เพื่อเข้ามารักษาโรคซับซ้อน อาทิ โรคไต, หัวใจ, มะเร็ง, เบาหวาน ไทรอยด์ เป็นต้น ด้วยความเชื่อมั่นด้านคุณภาพการรักษา จากบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความชำนาญและเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยของ PR9 ซึ่งเป็นปัจจัยบวกสร้างการเติบโตของบริษัทในปีนี้ โดยสัดส่วนคนไข้ต่างชาติอยู่ที่ 13% และสัดส่วนคนไข้ในประเทศอยู่ที่ 87%
สำหรับแผนการดำเนินงานต่อจากนี้ บริษัทเดินหน้าสร้างการเติบโต เพิ่มศักยภาพทางการแพทย์ ผ่านกลยุทธ์จากการมุ่งเน้นการขยายตลาดต่างประเทศ อาทิ กัมพูชา พม่า ลาว มากขึ้น และเปิดตลาดใหม่ตะวันออกกลาง พร้อมทั้งบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมรีโนเวทแผนก “International Center” อาคาร A ชั้น 1 เพื่อเพิ่มความทันสมัยและศักยภาพพื้นที่ให้บริการสำหรับรองรับผู้ป่วยต่างชาติที่มีแนวโน้มขยายตัวในปีนี้
ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างการออกแบบอาคารหอพักบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล มูลค่า 250 ล้านบาท หลังจากบริษัทเล็งเห็นถึงความสำคัญด้านบุคลากรทางการแพทย์ ถือเป็นสวัสดิการด้านที่พักอาศัยและสร้างแรงจูงใจให้บุคลากรทางการแพทย์ที่มีศักยภาพสูงเข้าเป็นบุคลากรของโรงพยาบาลมากขึ้น เพื่อลดการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์อีกทางหนึ่ง โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 66
“บริษัทเชื่อมั่นว่าแผนการดำเนินงานปี 66 รายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเป้าเติบโต 12% จากปี 65 หรืออยู่ที่ระดับ 4.6 พันล้านบาท นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด 0.29 บาทต่อหุ้น (รอบผลประกอบการ 1 ม.ค. 65 - 31 ธ.ค. 65) โดยบริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 3 พ.ค. 66 ซึ่งกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 19 พ.ค. 66” นพ.เสถียร กล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/66 บริษัทมีรายได้รวม 967.9 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 979.1 ล้านบาท ลดลงจำนวน 11.2 ล้านบาท หรือ 1.2% และมีกำไรสุทธิ 108.8 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 157.1 ล้านบาท จำนวน 48.3 ล้านบาท หรือ 30.7% โดยรายได้ที่ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากผู้ป่วยทั่วไปฟื้นตัวดีขึ้น แม้ไม่มีรายได้เกี่ยวกับโควิด-19 เข้ามาเสริม เมื่อเทียบไตรมาส 1/65 ที่มีการระบาดของโอมิคอนและการฉีดวัคชีนโมเดอร์นา ทำให้มีอัตราในการทำกำไรที่สูงกว่าปกติ แต่ได้รับผลบวกจากการขยายตัวของ OPD และ IPD ทั้งในส่วนของผู้ป่วยทั่วไป และผู้ป่วยแผนกเฉพาะทาง รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน
A5646