WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRIS7 10ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ‘บ.บี. กริม บีไอพี เพาเวอร์ 2’ ที่ ‘A-‘ แนวโน้ม ‘Stable’

ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นของ บริษัท บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 2 จำกัด ที่ระดับ ‘A-‘ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต’Stable’หรือ ‘คงที่’

อันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้ของบริษัทจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และประวัติการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพของบริษัท อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวถูกลดทอนจากความเสี่ยงจากการพึ่งพาสินทรัพย์ที่เป็นโรงไฟฟ้าเพียงแห่งเดียว

อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทพิจารณาจากอันดับเครดิตเฉพาะ (Stand-alone Credit Profile -- SACP) ของบริษัท ซึ่งอยู่ที่ระดับ ‘a-‘ และสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับปานกลาง (Strategic Subsidiary) ของ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BGRIM) (อันดับเครดิต ‘A/Stable’)

 

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

มีกระแสเงินสดที่เชื่อถือได้จากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ.

บริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงจำนวน 1 แห่งซึ่งเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2559 โดยบริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวนาน 25 ปีกับ กฟผ. ที่ขนาด 90 เมกะวัตต์ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer -- SPP)

ทั้งนี้ สัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าวซึ่งอยู่ภายใต้รูปแบบไม่ใช้ก็ต้องจ่าย (Take-or-pay Basis) นั้นช่วยลดความเสี่ยงด้านการตลาดให้แก่บริษัทได้เป็นส่วนใหญ่ ในการนี้ กฟผ. มีข้อผูกพันในการรับซื้อไฟฟ้าอย่างน้อยในสัดส่วน 80% ของกำลังการผลิตตามสัญญาโดยขึ้นอยู่กับชั่วโมงการทำงานของโรงไฟฟ้า

นอกจากนี้ สัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีกับ กฟผ. ยังมีสูตรคำนวณอัตราค่าไฟฟ้าที่ปรับปรุงตามการเปลี่ยนแปลงของราคาเชื้อเพลิงและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราอีกด้วย

บริษัทจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 82%-87% ของยอดขายทั้งหมดต่อปี ทั้งนี้ คุณภาพเครดิตของ กฟผ. (อันดับเครดิต ‘AAA/Stable’) บ่งบอกถึงการที่บริษัทมีความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินจากผู้ซื้อไฟฟ้าในระดับที่น้อยมาก

 

จำหน่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม

บริษัทยังจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมจำนวน 8 รายในสวนอุตสาหกรรมบางกะดี (สวนฯ บางกะดี) โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลาหลายปีรวม 24 เมกะวัตต์ โดยลูกค้าแต่ละรายมีข้อผูกพันในการซื้อไฟฟ้าจำนวนขั้นต่ำตามที่กำหนดไว้ในสัญญา

ในการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมนั้น บริษัทมีความอ่อนไหวต่อความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาเชื้อเพลิงในกรณีที่ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น โดยบริษัทจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมด้วยส่วนลดจากราคาค่าไฟฟ้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่

ซึ่งอัตราค่าไฟฟ้าโดยทั่วไปจะมีการปรับราคาเพื่อสะท้อนต้นทุนเชื้อเพลิงผ่านค่าไฟฟ้าผันแปรหรือค่า Ft อย่างไรก็ตาม การปรับค่า Ft นั้นจะล่าช้ากว่าและขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของหน่วยงานที่รับผิดชอบว่า จะปรับในช่วงเวลาไหนและที่อัตราเท่าใด ดังนั้น ราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้นจึงอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกำไรของบริษัท นอกจากนี้ ยอดขายไฟฟ้ายังขึ้นอยู่กับอุปสงค์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนโดยระดับของกิจกรรมทางด้านอุตสาหกรรมอีกด้วย

 

มีประวัติการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ

โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมของบริษัทเป็นโรงไฟฟ้าที่มีการทำงานร่วมกันของระบบกังหันก๊าซและระบบกังหันไอน้ำ (Combined-cycle) โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว ระบบดังกล่าวใช้เครื่องยนต์กังหันก๊าซ 2 ชุดที่ผลิตโดย GE Power

ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำที่เป็นทั้งผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าในตลาดโลก บริษัทมีทีมดำเนินงานและซ่อมบำรุงประจำวันของตนเองที่ได้รับการฝึกอบรมจาก BGRIM ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานและซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม

โดยโรงไฟฟ้าของบริษัทมีผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ามาโดยตลอดนับตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินงาน โดยในปี 2565 โรงไฟฟ้าของบริษัทมีดัชนีความพร้อมที่ระดับ 95.9% และมีอัตราความร้อนที่ขนาด 7,686 บีทียูต่อหน่วยซึ่งต่ำกว่าอัตราความร้อนอ้างอิงตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีกับ กฟผ. ที่ขนาด 7,950 บีทียูต่อหน่วย

ในด้านของประสิทธิภาพการใช้พลังงานนั้น โรงไฟฟ้าของบริษัทบรรลุดัชนีชี้วัดความสามารถในการใช้พลังงานปฐมภูมิในการผลิตพลังงานไฟฟ้าและพลังงานความร้อนร่วมกัน (Primary Energy Saving -- PES) รวมทั้งได้รับค่าไฟฟ้าเพิ่มเติมจากค่าการประหยัดการใช้เชื้อเพลิง (Fuel Saving -- FS) ที่อัตรา 0.36 บาทต่อหน่วยจาก กฟผ. ซึ่งทริสเรทติ้ง เห็นว่าความเสี่ยงที่โรงไฟฟ้าของบริษัทจะถูกปรับหรือยกเลิกสัญญานั้นมีต่ำมาก

 

ผลกระทบจากราคาก๊าซที่เพิ่มสูงขึ้น

ผลประกอบการของบริษัทได้รับผลกระทบจากราคาก๊าซที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในปี 2565 ราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้นจนทำลายสถิติที่ระดับเกิน 550 บาทต่อล้านบีทียูในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ขณะเดียวกัน การปรับเพิ่มค่า Ft ยังคงต่ำกว่าต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นผลให้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทลดลงเหลือ 592 ล้านบาทในปี 2565 ลดลง 6.9% จาก 636 ล้านบาทในปี 2564 และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA อยู่ที่ระดับ 3.5 เท่า

 

คาดหวังการฟื้นตัวของผลประกอบการ

ทริสเรทติ้ง ประมาณการว่ากำไรของบริษัทจะฟื้นตัวขึ้นจากความคาดหวังว่าจะมีการปรับค่า Ft ต่อไปและราคาก๊าซจะปรับตัวไปที่ระดับปกติ ในประมาณการกรณีฐานทริสเรทติ้งคาดว่าราคาก๊าซจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปในปี 2566

ในขณะที่ค่า Ft จะยังคงมีการปรับปรุงเพื่อชดเชยเงินอุดหนุนค่าไฟฟ้าจำนวนมากที่ กฟผ. แบกรับ และจากการคาดการณ์ว่าความไม่สมดุลระหว่างระดับอุปสงค์และอุปทานจะผ่อนคลายลง ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าราคาก๊าซจะค่อยๆ กลับสู่ระดับปกติตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไปและค่า Ft จะถูกปรับไปในทางเดียวกัน

ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงประมาณการว่า EBITDA ของบริษัทจะฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 613-635 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2566-2568 อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA จะค่อยๆ ลดลงไปต่ำกว่า 2.5 เท่าในช่วงที่ประมาณการ และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนจะลดลงไปต่ำกว่า 45% ในปี 2568

 

มีสินทรัพย์ดำเนินงานเพียงแห่งเดียว

อันดับเครดิตถูกลดทอนจากการที่บริษัทมีสินทรัพย์ดำเนินงานเพียงแห่งดียว ดังนั้น บริษัทจึงมีความเสี่ยงทางธุรกิจที่ค่อนข้างสูงกว่าบริษัทผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มีสินทรัพย์ที่ใช้ผลิตไฟฟ้าหลายแห่ง การที่บริษัทขาดความหลากหลายในการดำเนินงาน

จึงอาจทำให้รายได้ของบริษัทมีความเสี่ยงจากการที่โรงไฟฟ้าหยุดดำเนินงานอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงที่สำคัญๆ เช่น การหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าเป็นเวลานานหรือชิ้นส่วนสำคัญของเครื่องจักรเกิดความเสียหาย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้ง มองว่า ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นมีค่อนข้างยากเมื่อพิจารณาจากประวัติการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัท

 

ความสามารถในการชำระหนี้อยู่ในระดับเพียงพอ

ทริสเรทติ้ง ประมาณการว่า บริษัทจะสามารถสร้างกระแสเงินสดที่เพียงพอต่อการชำระคืนหนี้ได้ ทั้งนี้ ในเดือนพฤษภาคม 2561 บริษัทได้ออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นในวงเงิน 3.35 พันล้านบาท

โดยได้นำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปจ่ายชำระคืนหนี้เงินกู้โครงการทั้งหมดที่มีกับสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งในตารางการชำระคืนเงินต้นของหุ้นกู้นั้นมีการกำหนดให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดที่บริษัทได้รับจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีอยู่

ณ เดือนธันวาคม 2565 บริษัทมีเงินสดในมือและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 586 ล้านบาท ทั้งนี้ เงินสดในมือและรายการเทียบเท่าเงินสดที่มีอยู่เมื่อรวมกับประมาณการ EBITDA แล้วน่าจะเพียงพอรองรับภาระหนี้เงินกู้ของบริษัทจำนวน 279-348 ล้านบาทต่อปีที่จะครบกำหนดในช่วงระหว่างปี 2566-2568

 

เป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับปานกลางภายใต้กลุ่ม BGRIM

โรงไฟฟ้าของบริษัทเป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมจำนวนทั้งสิ้น  20 แห่งซึ่งอยู่ภายใต้กลุ่ม BGRIM ทั้งนี้ ณ เดือนธันวาคม 2565 กำลังการผลิตติดตั้งของบริษัทคิดเป็น 5% ของกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงทั้งหมดของ BGRIM

ส่วนในด้านของกระแสเงินสดนั้น EBITDA ของบริษัทคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 6% ของ EBITDA ทั้งหมดของกลุ่ม BGRIM ทริสเรทติ้งมองว่าแม้บริษัทจะมีส่วนแบ่งรายได้เพียงเล็กน้อย แต่บริษัทก็มีสถานะเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับปานกลางของ BGRIM

ทั้งนี้ ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเป็นสินทรัพย์หลักในการผลิตไฟฟ้าของ BGRIM ซึ่งคิดเป็น 75% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของกลุ่ม BGRIM มีโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สวนฯ บางกะดีจำนวนทั้งสิ้น 2 แห่ง ซึ่งรวมถึงโรงไฟฟ้าของบริษัทด้วย

ทริสเรทติ้ง มองว่า บริษัทมีความสำคัญต่อ BGRIM ในด้านการบริหารจัดการประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยรวมของโรงไฟฟ้าของกลุ่มในสวนฯ บางกะดี ดังนั้น ทริสเรทติ้ง จึงคาดว่า บริษัทจะได้รับการสนับสนุนจาก BGRIM ในฐานะบริษัทแม่เมื่อบริษัทต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก

 

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

สมมุติฐานที่สำคัญในประมาณการกรณีฐานในช่วงปี 2566-2568

  • โรงไฟฟ้าของบริษัทจะมีค่าดัชนีความพร้อมอยู่ในระดับ 97%-99%
  • สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. จะอยู่ที่ 90 เมกะวัตต์ และกับลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ 24 เมกะวัตต์
  • บริษัทจะจำหน่ายไฟฟ้าได้ประมาณ 753-771 ล้านหน่วยต่อปี
  • ค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนจะอยู่ที่ปีละ 4-11 ล้านบาท
  • การชำระคืนหนี้จะเป็นไปตามตารางการชำระคืนหนี้หุ้นกู้

 

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสามารถดำรงประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อไปโดยที่บริษัทจะสามารถสร้างผลกำไรและรักษาระดับหนี้สินให้เป็นไปตามประมาณการของทริสเรทติ้งได้


ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทนั้นยังมีจำกัด ในทางกลับกัน ปัจจัยกดดันที่อาจทำให้มีการปรับลดอันดับเครดิตจะเกิดขึ้นได้หากผลการดำเนินงานของบริษัทต่ำกว่าประมาณการของทริสเรทติ้งเป็นอย่างมาก หรือความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตาม ‘เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ’ ของทริสเรทติ้งแล้ว การเปลี่ยนแปลงที่มีสาระสำคัญเกี่ยวกับสถานะเครดิตของ BGRIM หรือความเชื่อมโยงที่เปลี่ยนไประหว่างบริษัทและ BGRIM ก็อาจมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน

 

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 7 กันยายน 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

 

บริษัท บี. กริม บีไอพี  เพาเวอร์ 2 จำกัด (BIP2)

อันดับเครดิตองค์กร:

A-

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

 

BIPB335A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ทยอยชำระคืนเงินต้นในวงเงิน 3,350 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2576

A-

แนวโน้มอันดับเครดิต:

Stable

 

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com  

ติดต่อ [email protected]  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

      © บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

       ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

 

Click Donate Support Web  

MTL 720x100

kasat 720x100

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100ais 720x100

TOA 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!