WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRIS7 13ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ’บ.ทรู คอร์ปอเรชั่น’บริษัทใหม่ที่เกิดจาก การควบรวมกิจการระหว่างอดีต ‘บ.ทรู คอร์ปอเรชั่น’ และ’บ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น’ ที่ ‘A+’


แนวโน้ม’Stable’

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE) และจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทที่ระดับ ‘A+’ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต’Stable’หรือ ‘คงที่’ โดยอันดับเครดิต

สะท้อนสถานะเครดิตของบริษัทซึ่งจัดตั้งขึ้นใหม่จากการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เดิมก่อนการควบรวมกิจการ (TRUEE) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC)

อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานะผู้นำทางการตลาดในธุรกิจให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมแบบไร้สายและตลาดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในประเทศไทย

ตลอดจนความแข็งแกร่งของโครงข่ายในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ จำนวนคลื่นความถี่ในการให้บริการที่หลากหลาย และการมีแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี  นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังพิจารณาถึงการผสานพลังทางธุรกิจที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหลังจากการควบรวมกิจการ รวมถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นในอนาคตอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็ถูกลดทอนบางส่วนจากการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ภาระหนี้ทางการเงินที่สูงของบริษัท และความเสี่ยงในการบูรณาการธุรกิจ

 

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นผู้ประกอบการที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของประเทศไทย

จากการเป็นบริษัทที่เกิดจากการควบรวมกิจการ สินทรัพย์และการดำเนินงานของบริษัทจึงมาจากผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่เดิม 2 รายคือ TRUEE และ DTAC ซึ่งมีผลในวันที่ 1 มีนาคม 2566 กรณีดังกล่าวทำให้ TRUE กลายเป็นผู้ประกอบการที่แข็งแกร่งมากในธุรกิจโทรคมนาคมและบริการดิจิทัลของประเทศไทยด้วยการมีช่องทางธุรกิจที่หลากหลาย

ทั้งนี้ บริการของบริษัทครอบคลุมธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมแบบไร้สาย ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ธุรกิจโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิก (Pay-TV) ธุรกิจโทรทัศน์ดิจิทัลและการเผยแพร่เนื้อหาความบันเทิง ตลอดจนธุรกิจให้บริการด้านดิจิทัล

บริษัทมีสินทรัพย์ที่เกิดจากการควบรวมกิจการทั้งสิ้นประมาณ 8 แสนล้านบาทซึ่งรวมถึงโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้ใบอนุญาตที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ของทั้งสองบริษัท คลื่นความถี่ที่หลากหลาย ตลอดจนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา

และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่สูงกว่า 8 หมื่นล้านบาทด้วย ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าการควบรวมธุรกิจจะทำให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขันที่มีนัยสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมแบบไร้สาย โดยก่อให้เกิดความครอบคลุมของตลาดและฐานลูกค้าที่กว้างขวาง เครือข่ายการดำเนินงานที่กว้างใหญ่ และจำนวนคลื่นความถี่ที่หลากหลาย

ทริสเรทติ้ง เห็นว่าการมีขอบเขตธุรกิจขนาดใหญ่เป็นความได้เปรียบทางการแข่งขันที่สำคัญสำหรับผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมเพราะจะช่วยให้สามารถขยายการลงทุนได้อย่างต่อเนื่องในโครงข่าย คลื่นความถี่  และมีความพร้อมในการเข้าสู่การให้บริการในระบบดิจิทัลได้เป็นอย่างดี

ด้วยฐานลูกค้าที่กว้างขวางและสินทรัพย์การดำเนินงานขนาดใหญ่จากผู้ประกอบการรายใหญ่ 2 รายเดิม ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าบริษัทจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากการประหยัดจากขนาดและการผสานพลังทางธุรกิจภายในกลุ่ม

 

เป็นผู้นำตลาดในอุตสาหกรรมการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่

จากการควบรวมกิจการ บริษัทจึงกลายเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมแบบไร้สายของไทย โดยการควบรวมกิจการในครั้งนี้ทำให้ตลาดเหลือผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่เพียง 2 รายคือ TRUE และ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS)

บริษัทมีฐานลูกค้ารวมอยู่ที่จำนวน 55 ล้านราย ซึ่งเกิดจากการรวมลูกค้าของ TRUEE เดิมที่มีลูกค้าอยู่จำนวน 34 ล้านรายและลูกค้าของ DTAC อีกจำนวน 21 ล้านราย ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ระดับ 54%[1] ซึ่งสูงกว่า AIS ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 46%

ในแง่ของรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (Interconnection Charge -- IC) นั้น ส่วนแบ่งรตลาดของ TRUE คิดเป็นสัดส่วน 53.6% โดยเทียบกับ AIS ซึ่งอยู่ที่ระดับ 46.4%

ทริสเรทติ้ง คาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดในด้านบริการสื่อสารแบบไร้สายเอาไว้ได้โดยมองว่าคลื่นความถี่ที่บริษัทมีเป็นจำนวนมากนั้นเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันในเชิงกลยุทธ์ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในการให้บริการข้อมูลความเร็วสูงให้แก่ลูกค้า

ทั้งนี้ บริษัทจะยังคงใช้ชื่อแบรนด์ทั้ง ‘TRUE’ และ ‘DTAC’ต่อไปอีกอย่างน้อย 3 ปีข้างหน้า โดยแบรนด์ทั้งสองนี้เป็นที่ได้รับการยอมรับในหมู่ผู้บริโภคและคาดว่าจะช่วยเสริมสร้างความผูกพันกับลูกค้าได้

ทริสเรทติ้ง มองว่า บริษัทมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่แข็งแกร่งคือ กลุ่มบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) รวมทั้ง Telenor ASA (Telenor) และบริษัทที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต่างถือหุ้นในสัดส่วนประมาณหนึ่งในสามของบริษัท นอกจากนี้ ยังมี China Mobile International Holdings Ltd.

ซึ่งเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของบริษัทที่ถือหุ้นในบริษัทในสัดส่วน 10% อีกด้วย ทริสเรทติ้งคาดว่าการดำเนินงานของบริษัทจะได้ประโยชน์จากระบบนิเวศน์ทางธุรกิจของกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ตลอดจนจากความเชี่ยวชาญในธุรกิจโทรคมนาคมและการสื่อสารแบบไร้สายของ Telenor ด้วย

 

การแข่งขันยังคงรุนแรง แต่น่าจะมีความสมเหตุสมผลมากขึ้น

ตลาดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบเติมเงินนั้นได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างเปราะบาง รวมทั้งแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และการแข่งขันที่รุนแรง ปัจจัยเหล่านี้ได้ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ (Average Revenue per User -- ARPU) ทั่วทั้งอุตสาหกรรมลดลงในปี 2565

แม้ว่าประเทศไทยจะกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง

แต่ตลาดในปี 2566 ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนตัวลงซึ่งเป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น

ทริสเรทติ้ง คาดว่าการแข่งขันในตลาดจะยังคงรุนแรงต่อไปแต่น่าจะมีความสมเหตุสมผลมากขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้าเนื่องจากการควบรวมกิจการจะทำให้ตลาดเหลือผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่เพียง 2 รายเท่านั้น นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าอุปสงค์ในการใช้บริการด้านข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น

รวมถึงการเข้าถึงอุปกรณ์สื่อสารที่รองรับเทคโนโลยี 5G ซึ่งมีราคาไม่แพงได้ง่ายขึ้นจะเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่ม ARPU ในช่วงเวลาเดียวกันได้

ความท้าทายในการแข่งขันในตลาดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิก

บริษัทเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ประมาณ 37.5% โดย TRUEE มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ภายใต้โครงข่ายของบริษัทที่จำนวนประมาณ 5 ล้านคน

ในปี 2565 การเติบโตเพิ่มขึ้นของจำนวนลูกค้าได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่บ้านและการรับชมเนื้อหาความบันเทิงที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ARPU ในตลาดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงก็ลดลงอย่างต่อเนื่องจากการที่ผู้ให้บริการใช้การลดราคาเป็นเครื่องมือในการขยายและรักษาฐานลูกค้า

ดังนั้น การแข่งขันในด้านราคาจึงมีความรุนแรงเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่การให้บริการขยายเข้าไปใหม่

ทริสเรทติ้ง คาดว่า การควบรวมธุรกิจในตลาดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของผู้ประกอบการสำคัญ 2 รายคือ AIS และ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) (3BB) ที่กำลังดำเนินการอยู่จะทำให้เกิดผู้นำตลาดรายใหม่โดย AIS มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ระดับ 13% ในขณะที่ 3BB มีส่วนแบ่ง 28%

ในขณะที่ TRUE นั้นมีเป้าหมายที่จะรักษาส่วนแบ่งตลาดโดยการเพิ่มคุณภาพในการให้บริการและเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้า รวมทั้งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ พร้อมเนื้อหาสาระความบันเทิงที่มีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนการให้บริการแบบคอนเวอร์เจนซ์ (Convergence Service) ที่รวมบริการที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน

ในส่วนโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิกนั้นยังมีแนวโน้มธุรกิจที่ไม่ดีท่ามกลางพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ ทริสเรทติ้ง คาดว่า รายได้จากธุรกิจนี้จะใช้เวลากว่าจะฟื้นตัวได้แม้ว่าจะมีปัจจัยผลักดันในเชิงบวกจากกลุ่มลูกค้าโรงแรมก็ตาม อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งก็คาดว่าธุรกิจโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิกจะยังคงเป็นบริการหลักที่รวมอยู่กับบริการสื่อสารแบบไร้สายและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงซึ่งเป็นกลยุทธ์การนำเสนอชุดบริการเหมารวมแบบคอนเวอร์เจนซ์ของบริษัท

 

การผสานพลังทางธุรกิจต้องใช้เวลาในการที่จะบรรลุผล

ฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นและความหลากหลายของพื้นที่ดำเนินธุรกิจน่าจะช่วยขยายฐานรายได้และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้แก่บริษัทได้ โดย TRUE จะมีบริการและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายซึ่งสามารถสร้างยอดขายจากผลิตภัณฑ์หรือบริการระหว่างหมวดหมู่และเพิ่มยอดขายเพิ่มเติมให้แก่ลูกค้าในกลุ่มของบริษัท อย่างไรก็ตาม ARPU ของบริษัท

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2566 มีแนวโน้มที่จะได้รับแรงกดดันจากมาตรการเยียวยาของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะอยู่ในช่วงระหว่าง 1.96-2.01 แสนล้านบาทต่อปี

ทริสเรทติ้ง คาดว่าบริษัทจะได้ประโยชน์จากการผสานพลังทางธุรกิจและการลดต้นทุนจากการประหยัดจากขนาดและการใช้สินทรัพย์และบริการร่วมกันภายในกลุ่มให้ได้ประโยชน์สูงสุด ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการผสานพลังทางธุรกิจจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรและอัตรากำไรให้แก่บริษัทได้

หากการบูรณาการและการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของโครงข่ายที่จะก่อให้เกิดบริการที่มีคุณภาพสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น โดยทริสเรทติ้ง เห็นว่าค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนน่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนแรก ๆ ที่จะสามารถปรับลดลงได้เนื่องจากบริษัทมีโครงข่ายการดำเนินงานที่กว้างขวางอยู่แล้ว

ทริสเรทติ้ง ยังคาดว่า ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทจะค่อยๆ ลดลง โดยการใช้โครงข่ายเดิมของทั้งสองบริษัทที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยเทคโนโลยี เทคนิค และเครื่องมือต่างๆ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของโครงข่าย

โดยรวมอีกทั้งยังจะช่วยเพิ่มประสิทธิผลและประหยัดต้นทุนได้อีกด้วย นอกจากนี้ ร้านค้าที่ให้บริการและช่องทางการจัดจำหน่ายก็สามารถรวมเข้าด้วยกันซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการเปิดร้านใหม่ได้อย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่การผสานพลังด้านต้นทุนอื่นๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นยังได้แก่ การรวมศูนย์ระบบการจัดซื้อซึ่งจะทำให้มีอำนาจในการต่อรองที่สูงขึ้น ตลอดจนการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่าการผสานพลังทางธุรกิจและการประหยัดต้นทุนที่คาดไว้นั้นจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการกว่าจะบรรลุผล โดยบริษัทยังจะต้องบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการในระยะเวลาอันใกล้

ซึ่งรวมถึงทรัพยากรที่มีอยู่ซ้ำซ้อน การบูรณาการกระบวนการทำงาน ค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ ความผูกพันกับลูกค้า การจัดการองค์กรและวัฒนธรรมองค์กร ตลอดจนการบูรณาการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และหน่วยงานสนับสนุนภายในบริษัท เป็นต้น โดยทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทจำเป็นจะต้องใช้เวลาในการปรับโครงข่ายและบริการในช่วงแรกๆ ของการบูรณาการซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาราว 2-3 ปี

ในอนาคตความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มจะขึ้นอยู่กับความสามารถของบริษัทในการควบคุมต้นทุน การปรับปรุงการใช้ประโยชน์สูงสุดของสินทรัพย์ และการบรรลุผลของการผสานพลังทางธุรกิจ ในการนี้ สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้ง

สำหรับปี 2566-2568 คาดว่า EBITDA ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 8.2-9.8 หมื่นล้านบาทต่อปีและบริษัทจะมีอัตรา EBITDA ต่อรายได้รวม (EBITDA Margin) อยู่ที่ระดับ 42%-49%  โดยที่กระแสเงินสดจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากการควบรวมกิจการในอีก 2-3 ปีข้างหน้าและคาดว่าเงินทุนจากการดําเนินงานจะอยู่ในช่วง 5.8-7.2 หมื่นล้านบาทต่อปี

มีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้

ผลจากการควบรวมกิจการทำให้สินทรัพย์ทั้งหมดและหนี้สินคงค้างของ TRUEE และ DTAC ถูกโอนมาเป็นของบริษัท ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า     

ทริสเรทติ้ง คาดว่า หนี้สินของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงจากความจำเป็นในการใช้เงินลงทุนสำหรับโครงข่ายและการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตตามกำหนด ทั้งนี้คาดว่าเงินลงทุนจะค่อย ๆ ลดลงในช่วง 3 ปีข้างหน้าโดยจะอยู่ในช่วง 3.4-4.3 หมื่นล้านบาทต่อปี

นอกจากนี้ บริษัทยังมีภาระที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตอีกประมาณปีละ 1.5-2.3 หมื่นล้านบาทในช่วงเดียวกันอีกด้วย ทริสเรทติ้งประมาณการว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนจะยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 85% ในช่วงระหว่างปี 2566-2568

ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจาก EBITDA เพิ่มขึ้นเนื่องจากการประหยัดต้นทุนตามที่คาดการณ์ไว้ โดยทริสเรทติ้ง คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 6.4 เท่าในปี 2566

และจะค่อยๆ ลดลงไปอยู่ที่ระดับประมาณ 5.3 เท่าในอีก 2 ปีหลังจากนั้น ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินน่าจะอยู่ในช่วง 11%-14% ในช่วงเวลาเดียวกัน

 

โครงสร้างหนี้

ทริสเรทติ้ง ประมาณการว่า บริษัทจะมีหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนในสัดส่วน 47% ของหนี้สินทางการเงินรวมของบริษัทซึ่งน้อยกว่าระดับ 50% ตามที่กำหนดไว้ตามเกณฑ์ของทริสเรทติ้ง ดังนั้นทริสเรทติ้งจึงจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในระดับเดียวกับอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท

 

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

สมมติฐานกรณีพื้นฐานที่สำคัญๆ ของทริสเรทติ้งสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปี 2566-2568 มีดังนี้

  • รายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจะเติบโตเล็กน้อยในช่วงเวลา 2-3 ปีข้างหน้า ในขณะที่รายได้จากธุรกิจโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิกจะยังคงได้รับแรงกดดันจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค
  • EBITDA Margin จะยังคงอยู่ที่ระดับ 42%-49%
  • เงินลงทุนโดยรวมจะอยู่ที่ระดับประมาณ 4-4.3 หมื่นล้านบาทต่อปีเพื่อใช้ขยายโครงข่าย
  • ภาระในการชำระค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ตามกำหนดจะอยู่ที่ประมาณ 1.5-2.3 หมื่นล้านบาทต่อปี

 

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’หรือ ‘คงที่’ สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดเอาไว้ได้และคาดหวังว่าการบูรณาการของการดำเนินงานภายในกลุ่มจะดำเนินไปได้ด้วยดีโดยไม่ทำให้ต้นทุนหรือเงินลงทุนสูงกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าสถานะทางการเงินของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลา 2-3 ปีข้างหน้าโดยที่ EBITDA และหนี้สินทางการเงินจะอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้

 

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินเปลี่ยนแปลง

โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตมีค่อนข้างจำกัดในระยะใกล้เนื่องจากความเสี่ยงจากการบูรณาการทางธุรกิจ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทแสดงให้เห็นถึงการบูรณาการทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จซึ่งส่งผลทำให้ระดับ EBITDA สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

อีกทั้งระดับหนี้สินอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าคาด หรือตำแหน่งทางการตลาดแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจนส่งผลทำให้อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินอยู่ในระดับต่ำกว่า 10% อย่างต่อเนื่อง

 

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 7 กันยายน 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

 

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE)

อันดับเครดิตองค์กร:

A+

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

 

TRUE237A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,394.60 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

A+

TRUE238A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,747.70 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

A+

TRUE239A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

A+

TRUE23NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 7,438.90 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

A+

TRUE245A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,415.50 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567

A+

TRUE248A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 11,841.60 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567

A+

TRUE248B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 605.40 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567

A+

TRUE24OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,325 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567

A+

TRUE24OB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,212.40 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567

A+

TRUE24NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,268.70 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567

A+

TRUE24NB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 605.40 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567

A+

TRUE251A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,994.20 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

A+

TRUE251B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,971.30 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

A+

TRUE252A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,207.20 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

A+

TRUE253A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,575.40 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

A+

TRUE258A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 650 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

A+

TRUE25OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,247.90 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

A+

TRUE25NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,486.60 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

A+

TRUE25NB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,998.90 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

A+

TRUE261A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 7,130.30 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569

A+

TRUE261B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,912.10 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569

A+

TRUE262A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,864.90 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569

A+

TRUE263A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,412.10 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569

A+

TRUE268A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,689.40 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569

A+

TRUE26OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,854.70 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569

A+

TRUE26NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,805.80 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569

A+

TRUE26NB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,142.50 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569

A+

TRUE272A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,636.60 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570

A+

TRUE273A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,656.90 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570

A+

TRUE278A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,958.60 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570

A+

TRUE27OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,116.60 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570

A+

TRUE27NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,062.80 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570

A+

TRUE27DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,855.10 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570

A+

TRUE288A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,459.10 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571

A+

TRUE28OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 7,184.50 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571

A+

แนวโน้มอันดับเครดิต:

Stable

 

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com 

ติดต่อ [email protected]  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

     © บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2566 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

    ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

 

[1] อ้างอิงจากข้อมูลที่ประกาศต่อสาธารณะของ TRUE และ DTAC ทั้งนี้ ส่วนแบ่งทางการตลาดโดยรวมไม่ได้รวมจำนวนลูกค้าของ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)

 

Click Donate Support Web  

kasat 720x100

 

Click Donate Support Web  

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100ais 720x100 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!