- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Wednesday, 22 February 2023 16:06
- Hits: 1713
KCC ท็อปฟอร์ม ปิดปี 65 กำไรพุ่ง 47.35% ลุยซื้อหนี้ทะลุเป้า หนุนพอร์ตรวม NPLs โตขึ้น 135.62%
“KCC” โชว์ฟอร์มหรูปี 2565 อวดกำไรสุทธิ 77.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.35% รายได้ 170.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.58% เหตุนำเงินที่ได้จาก “ไอพีโอ” ลุยลงทุนซื้อหนี้ 930 ล้านบาท ทะลุเป้าหมาย ดันพอร์ตหนี้ NPLs โตแตะ 1,332.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135.62% ตอกย้ำจุดแข็งแกร่งมาร์จิ้นยังสูงเกิน 80% บอร์ดใจดีปันผลอีกหุ้นละ 0.0212 บาท รวมทั้งปี 0.0591 บาทต่อหุ้น
นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ KCC ผู้ดำเนินธุรกิจจัดหาและบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและธุรกิจบริหารจัดการ ทรัพย์สินรอการขายและการปรับปรุงทรัพย์สินรอการขายเพื่อจำหน่าย เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิในปี 2565 จำนวน 77.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.35% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 52.42 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานในปี 2565 จำนวน 170.49 ล้านบาท ซึ่งรายได้ของบริษัทฯ ส่วนใหญ่มาจาก 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPLs) ที่มีรายได้ 164.22 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 96.33% ของรายได้ทั้งหมด และ 2. ธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPAs) ที่มีรายได้ 5.95 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.49%
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล กล่าวว่า ผลดำเนินงานของบริษัท ที่เติบโตเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรจากการขายเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ อย่างไรก็ตาม มีการตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตฯ บนรายได้ดอกเบี้ยที่รับรู้ในปีเพิ่มขึ้นด้วย อีกทั้งบริษัทได้นำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) และเงินจากการออกหุ้นกู้รวมกันกว่า 924 ล้านบาท เข้าลงทุนซื้อหนี้ NPLs อย่างต่อเนื่อง โดย ปี 2565 บริษัทลงทุนซื้อหนี้ NPLs ทั้งสิ้น 930 ล้านบาท มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะลงทุนซื้อหนี้ NPLs 800 ล้านบาท ส่งผลให้พอร์ตหนี้ NPLs รวม ณ สิ้นปี 2565 ขยับขึ้นไปอยู่ที่ 1,332.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135.62% จากสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 565.56 ล้านบาท
นายทวี กล่าวว่า บริษัทยังคงรักษาความแข็งแกร่งในการทำธุรกิจโดยเฉพาะความสามารถในการทำกำไร ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยบริษัทมีกำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ในระดับที่สูงกว่า 80% ซึ่งผลดำเนินงานที่เติบโตขึ้น รวมกับการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai หนุนให้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทฯ มีส่วนของเจ้าของเท่ากับ 1,095.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2564 จำนวน 634.41 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 137.73%
ทั้งนี้ ผลดำเนินงานเติบโตขึ้นส่งผลให้คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอีกหุ้นละ 0.0212 บาท เท่ากับทั้งปีบริษัทจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นทั้งสิ้นหุ้นละ 0.0591 บาท หลังจากเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 ได้อนุมัติจ่ายไปแล้วหุ้นละ 0.0379 บาท คิดเป็นเงิน 23.50 ล้านบาท โดยจะกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลวันที่ 27 เมษายน 2566 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 26 เมษายน 2566