- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Wednesday, 15 February 2023 08:03
- Hits: 1660
MEB E-Book เบอร์ 1 เมืองไทย เหนือจอง 57.89% ขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ
MEB มอบของขวัญรับวาเลนไทน์เทรดวันแรกพุ่งเหนือจอง 57.89% การันตี E-Book เบอร์ 1 เมืองไทยในแง่รายได้รวม โดยมีผู้ใช้งานกว่า 8 ล้านราย เตรียมยกทัพวรรณกรรมไทยบุกต่างประเทศ หนุนอนาคตโตแกร่ง
บมจ.เมพ คอร์ปอเรชั่น (MEB) หุ้นน้องใหม่กระแสแรง! ขึ้นแท่นหุ้นไอพีโอขวัญใจนักลงทุน เปิดเทรดวันแรกราคาทะยาน 45.00 บาท/หุ้น เหนือจอง 57.89% สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ฟากซีอีโอ “รวิวร มะหะสิทธิ์” โชว์จุดแข็งปัจจัยพื้นฐานแกร่ง ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่งในตลาด E-Book เมืองไทย การันตีจากงวด 9 เดือนปี 65 ยอดผู้ใช้งานกว่า 8,000,000 ราย หนุนรายได้แตะ 1,263.54 ล้านบาท กวาดกำไรสุทธิ 241.85 ล้านบาท เดินหน้าขยายธุรกิจปัจจุบันและธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มเนื้อหาวรรณกรรมออนไลน์ ขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ ปรับปรุงแพลตฟอร์ม เพื่อมุ่งสร้างผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป
บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (MEB) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันแรก ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วไปอย่างดีเยี่ยม โดยเปิดซื้อขายที่ 45.00 บาท เพิ่มขึ้น 16.50 บาท หรือ 57.89% เปรียบเทียบจากราคาไอพีโอที่ 28.50 บาท/หุ้น
นายรวิวร มะหะสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (MEB) ในฐานะผู้นำธุรกิจจำหน่ายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) ผ่านแพลตฟอร์ม meb และ readAwrite ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับอ่านวรรณกรรมออนไลน์ระดับแนวหน้าของประเทศไทย เปิดเผยว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีมูลค่าการซื้อขายอย่างคึกคัก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อปัจจัยพื้นฐาน
โดยบริษัท ดำเนินธุรกิจอยู่ในธุรกิจวรรณกรรมออนไลน์ มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งเมื่อพิจารณาจากรายได้รวม โดยในงวด 9 เดือนแรกปี 2565 บริษัท มีจำนวนผู้ใช้งาน (Registered Users) ประมาณ 8.20 ล้านราย สามารถแยกเป็นผู้ใช้บริการเฉลี่ยต่อเดือน (Monthly Active User หรือ MAU) ประมาณ 6.29 ล้านราย และที่ผ่านมายังสร้างผลงานที่โดดเด่นโดยมีรายได้รวม 1,263.54 ล้านบาท มีกำไรสุทธิมากถึง 241.85 ล้านบาท
"ผมขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้การตอบรับหุ้น MEB เป็นอย่างดี ผมพร้อมทั้งคณะทำงานอยู่ในธุรกิจนี้มากว่า 11 ปี โดยมีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจนี้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เข้าใจถึงความต้องการของกลุ่มนักอ่านและนักเขียนเพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น
โดยเชื่อมั่นว่าธุรกิจมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยหลังการเข้าระดมทุนในครั้งนี้จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินให้แก่บริษัท ช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายธุรกิจให้เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งเปิดโอกาสสำคัญในการต่อยอดธุรกิจทั้งการสร้างแพลตฟอร์มใหม่หรือการควบรวมกิจการหรือการเข้าซื้อกิจการในอนาคต และต่อยอดความเป็นผู้นำในธุรกิจด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มและระบบการดำเนินงานมุ่งสร้างประสบการณ์ที่พิเศษให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นต่อไปได้ในอนาคต" นายรวิวร กล่าว
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จํากัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (MEB) กล่าวว่า การเข้าเทรดในวันแรกได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากนักลงทุนมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ที่มีความแข็งแกร่ง มีศักยภาพในการเติบโตโดดเด่น มีอนาคตที่น่าสนใจ เนื่องจากแนวโน้มของโลกในปัจจุบันที่ทุกคนมีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับแพลตฟอร์มของ MEB ที่มีการใช้เทคโนโลยีผสมผสานกับคอนเทนต์ที่น่าสนใจทำให้ได้รับการตอบรับที่ดี
โดยเม็ดเงินที่ได้จากการเสนอขายไอพีโอในครั้งนี้ จะใช้เพื่อขยายธุรกิจที่อยู่ในแพลตฟอร์มปัจจุบัน ขยายธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจปัจจุบันไปยังต่างประเทศโดยใช้ภาษาท้องถิ่น หรือการสร้างแพลตฟอร์มวรรณกรรมออนไลน์ใหม่ในภาษาอังกฤษ เพื่อเป็นการสร้างฐานรายได้ใหม่เพิ่มขึ้น ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและปรับปรุงพัฒนาแพลตฟอร์มปัจจุบันเพื่อมุ่งสร้างประสบการณ์ที่พิเศษให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
“MEB มีความพิเศษเฉพาะตัว ทำให้มีความน่าสนใจในการลงทุนเป็นอย่างมาก และทีมผู้บริหารมีความตั้งใจที่จะสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ไปพร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะนำคอนเทนต์ต่างๆ ของนักเขียนไทยแปลเป็นภาษาต่างชาติสู่ตลาดสากล ตามแผนการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ
อีกทั้ง ยังเป็นบริษัทในเครือของ CRC ที่มีชื่อเสียงระดับโลกทำให้มีความได้เปรียบในการดำเนินธุรกิจและขยายกิจการ นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในแต่ละปีในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิอีกด้วย” นายพิเชษฐ กล่าว