- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Saturday, 03 December 2022 22:55
- Hits: 1568
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน’บ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์’ ที่ ‘BBB’ และจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน วงเงินไม่เกิน 700 ล้านบาทที่’BBB’ แนวโน้ม’Stable’
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ’BBB’ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 700 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ ‘BBB’ ด้วย ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนและลงทุนในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
อันดับเครดิตสะท้อนถึงแบรนด์สินค้าของบริษัทซึ่งค่อนข้างแข็งแกร่งในตลาดคอนโดมิเนียมระดับราคาประหยัดจนถึงระดับบน ตลอดจนยอดขายรอการรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวนมากที่จะช่วยประกันรายได้ในอนาคตของบริษัทได้ส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกกดดันจากอัตรากำไรที่คาดว่าจะอ่อนตัวลงและระดับหนี้สินของบริษัทที่สูงจากการขยายธุรกิจ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความกังวลของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับระดับหนี้ครัวเรือนที่ค่อนข้างสูงและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งอาจกระทบต่อกำลังซื้อของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในระยะสั้นถึงปานกลางในขณะเดียวกันก็เพิ่มภาระต้นทุนในการพัฒนาโครงการและต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการให้สูงมากขึ้นอีกด้วย
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
แบรนด์สินค้าที่แข็งแรงครอบคลุมสินค้าระดับราคาประหยัดจนถึงระดับบน
ทริสเรทติ้ง มองว่า ความแข็งแกร่งของบริษัทในตลาดคอนโดมิเนียมในกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับบน มาจากแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับ ทำเลโครงการคอนโดมิเนียมที่ดีในย่านใจกลางเมือง และการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา
บริษัทได้ขยายสินค้าคอนโดมิเนียมในระดับราคาที่ต่ำลงคือระดับราคาประมาณ 2-6 ล้านบาทต่อยูนิต คอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ‘Nue’ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีด้วยยอดขายในโครงการส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับเกินกว่า 40% ณ เดือนกันยายน 2565 โครงการภายใต้แบรนด์ Nue มียอดขายคิดเป็นประมาณ 90% ของยอดขายทั้งหมดของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 เพิ่มขึ้นจากระดับ 40% ในปี 2563-2564 และ 27% ในปี 2562
บริษัทมีแผนกระจายสินค้าในพอร์ตโฟลิโอและขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น
โดยมีแผนจะพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้นทั้งในรูปแบบโครงการของบริษัทเองและในรูปแบบการร่วมทุน อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามความสำเร็จของการพัฒนาโครงการแนวราบต่อไปเนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทมีผลงานการพัฒนาโครงการแนวราบที่ยังค่อนข้างจำกัด ในมุมมองของทริสเรทติ้ง การขยายการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ไปแนวราบมากขึ้น หากสำเร็จจะช่วยบริษัทให้มีสินค้าและกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของผลการดำเนินและเสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอของบริษัทได้ในระยะยาว
ยอดขายรอรับรู้รายได้จำนวนมากช่วยประกันรายได้ในอนาคต
ทริสเรทติ้ง คาดว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทจะค่อยๆ ฟื้นตัวภายหลังยกเลิกมาตรการจำกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการดำเนินงานของบริษัทจะฟื้นตัวมาอยู่ที่ระดับ 9 พันล้านบาทในปี 2565 และขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.1-1.3 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2566-2568
โดยรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์จะอยู่ในช่วง 7 พันล้านบาทถึง 1 หมื่นล้านบาทต่อปี และคาดว่ารายได้จากการให้บริการก่อสร้างและการตลาดแก่กิจการร่วมทุนจะอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาทในปี 2565 และเพิ่มขึ้นเป็น 2.5-4.5 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2566-2568 ทริสเรทติ้ง คาดว่า กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จะอยู่ที่ระดับ 1.2 พันล้านบาทในปี 2565 และปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2-3 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2566-2568
ยอดขายรอรับรู้รายได้จำนวนมากช่วยประกันรายได้และกำไรของบริษัทได้ส่วนหนึ่งในอนาคต ณ เดือนกันยายน 2565 บริษัทมียอดขายรอการรับรู้รายได้ทั้งสิ้น 1.18 หมื่นล้านบาทซึ่งคาดว่าจะทยอยโอนได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 จนถึงปี 2568 ณ เดือนกันยายน 2565 บริษัทมีโครงการต่าง ๆ ประกอบไปด้วยโครงการคอนโดมิเนียมที่บริษัทพัฒนาเองจำนวน 17 โครงการ โครงการคอนโดมิเนียมภายใต้การร่วมทุนจำนวน 4 โครงการ บ้านจัดสรรที่บริษัทพัฒนาเองจำนวน 3 โครงการ
และบ้านจัดสรรภายใต้การร่วมทุนจำนวน 1 โครงการ โครงการของบริษัทมีมูลค่าเหลือขาย (รวมทั้งยูนิตที่สร้างเสร็จแล้วและที่ยังไม่ได้ก่อสร้าง) จำนวน 2.56 หมื่นล้านบาท โดยเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 90% ที่เหลือเป็นโครงการบ้านจัดสรร ทั้งนี้ บริษัทมีสินค้าเหลือขายที่สร้างเสร็จแล้วมูลค่ารวม 8.3 พันล้านบาทซึ่งสามารถรับรู้รายได้ได้ทันทีเมื่อมีการขาย
อัตรากำไรมีแนวโน้มอ่อนตัวลง
ทริสเรทติ้ง คาดว่า อัตรากำไรของบริษัทจะหดตัวเนื่องจากยังคงใช้การแข่งขันด้านราคาเพื่อเร่งสร้างยอดขายและระบายสินค้าคงเหลือในหลายโครงการคอนโดมิเนียมที่แล้วเสร็จ อีกทั้ง บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการแนวราบเพิ่มขึ้นและสัดส่วนรายได้จากการให้บริการก่อสร้างแก่กิจการร่วมทุนจะเพิ่มขึ้นโดยอัตรากำไรของการให้บริการก่อสร้างดังกล่าวจะค่อนข้างต่ำ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมของบริษัทมีแนวโน้มลดลง
ทริสเรทติ้ง คาดว่า อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจากการขายอสังหาริมทรัพย์จะลดลงไปอยู่ที่ 29%-32% ในช่วงปี 2565-2568 จากระดับ 34% ในปี 2564 และจากระดับ 37%-39% ในปี 2562-2563 ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ระดับ 30%-34% สำหรับโครงการคอนโดมิเนียม และ 25% สำหรับโครงการแนวราบ โดยคาดว่ารายได้จากโครงการแนวราบจะเพิ่มขึ้นเป็น 15%-20% ของรายได้รวม รายได้จากการให้บริการก่อสร้างแก่กิจการร่วมทุนจะเพิ่มขึ้นเป็น 20%-35% ของรายได้รวมในช่วงปี 2565-2568
อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรของการให้บริการก่อสร้างดังกล่าวคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 4%-7% ส่งผลให้ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 23%-30% ในปี 2565-2568 จากระดับเกินกว่า 35% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) อาจลดลงไปอยู่ที่ประมาณ 15%-25% และอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 10% ตลอดช่วงปีประมาณการ
ระดับหนี้สินสูงแต่คาดว่าจะดีขึ้นในปีถัดไป
ทริสเรทติ้ง คาดว่า ระดับหนี้สินของบริษัทจะยังค่อนข้างสูงที่ระดับ 72% ณ สิ้นปี 2565 และในปีนี้อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินจะต่ำกว่าระดับ 5% การขยายธุรกิจอย่างมากของบริษัทและการรับรู้รายได้และเงินทุนจากการดำเนินงานที่ต่ำกว่าประมาณการส่งผลให้ภาระหนี้ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงในปีนี้
ทั้งนี้ รายได้และกำไรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากแผนเปิดโครงการจำนวนมากในอีก 3 ปีข้างหน้าจะทำให้ระดับหนี้ลดลงมาได้ในปี 2566-2568 ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 70% และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินจะเกินกว่าระดับ 5% ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป
ภายใต้สมมติฐานกรณีพื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ (ทั้งพัฒนาโดยบริษัทเองและภายใต้การร่วมทุน) มูลค่ารวม 3.2 หมื่นล้านบาทในปี 2565 2.5 หมื่นล้านบาทในปี 2566 และ 1 หมื่นล้านบาทต่อปีในปี 2567-2568 โดยคาดว่าบริษัทจะซื้อที่ดินคิดเป็นมูลค่าประมาณ 532 ล้านบาทในปี 2565 900 ล้านบาทในปี 2566 และประมาณ 2 พันล้านบาทต่อปีในปี 2567-2568
โดยเงินทุนในการก่อสร้างโครงการที่พัฒนาโดยบริษัทเองจะอยู่ที่ประมาณ 5.6 พันล้านบาทในปีนี้ และ 2.5-3 พันล้านบาทต่อปีในปี 2566-2568 นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะลงทุนในกิจการร่วมทุนประมาณ 600 ล้านบาทถึง 1 พันล้านบาทต่อปีในปีประมาณการ
ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 บริษัทมีหนี้สินรวม 1.32 หมื่นล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนจำนวน 6.3 พันล้านบาทซึ่งเป็นหนี้ของบริษัทและบริษัทย่อย ดังนั้น อัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวมอยู่ที่ 47.5%
สภาพคล่องตึงตัวแต่สามารถจัดการได้
ทริสเรทติ้ง ประเมินว่า บริษัทมีสภาพคล่องที่ตึงตัวแต่สามารถจัดการได้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดย ณ เดือนกันยายน 2565 บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจำนวน 4.6 พันล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้จำนวน 1.7 พันล้านบาท เงินกู้ระยะยาวจำนวน 2.2 พันล้านบาท เงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 538 ล้านบาท และตั๋วแลกเงินจำนวน 200 ล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมทุนจะอยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาทถึง 1 พันล้านบาทในปี 2565-2568 และคาดว่า บริษัทจะจ่ายเงินปันผลที่ระดับประมาณ 40% ของกำไรสุทธิ
แหล่งที่มาของสภาพคล่องของบริษัทประกอบด้วยเงินสดในมือ 1.2 พันล้านบาท และวงเงินกู้ยืมที่ยังไม่ได้เบิกใช้และไม่ติดเงื่อนไขในการเบิก 700 ล้านบาท รวมถึงเงินทุนจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1 พันล้านบาทในปี 2566
นอกจากนี้ บริษัทยังมียูนิตที่สร้างเสร็จแล้วในโครงการที่ปลอดภาระหนี้ซึ่งมีมูลค่าขายประมาณ 688 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสำหรับวงเงินกู้กับสถาบันการเงินได้ ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระ ในขณะเดียวกัน บริษัทจะชำระเงินกู้ยืมโครงการจากสถาบันการเงินด้วยเงินสดที่ได้จากการโอนโครงการที่อยู่อาศัยให้แก่ลูกค้า
ตามข้อกำหนดทางการเงินของหุ้นกู้และเงินกู้ธนาคารกำหนดให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนให้ต่ำกว่า 2.5 เท่า ณ เดือนกันยายน 2565 อัตราส่วนดังกล่าวเท่ากับ 2.1 เท่าซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถบริหารโครงสร้างทางการเงินให้สอดคล้องกับเงื่อนไขดังกล่าวต่อไปได้
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
สมมติฐานกรณีพื้นฐานที่สำคัญของทริสเรทติ้งสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในช่วงปี 2565-2568 มีดังนี้
- บริษัทจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียม (ทั้งที่พัฒนาโดยบริษัทเองและภายใต้การร่วมทุน) มูลค่า 2.6 หมื่นล้านบาทในปี 2565 มูลค่า 27 หมื่นล้านบาทในปี 2566 และ 7 พันล้านบาทต่อปีในปี 2567-2568
- บริษัทจะเปิดโครงการบ้านจัดสรร (ทั้งที่พัฒนาโดยบริษัทเองและภายใต้การร่วมทุน) มูลค่า 6 พันล้านบาทในปี 2565 มูลค่า 24 หมื่นล้านบาทในปี 2566 และมูลค่า 3 พันล้านบาทต่อปีในปี 2567-2568
- เงินลงทุนซื้อที่ดินจะเท่ากับ 532 ล้านบาทในปี 2565 900 ล้านบาทในปี 2566 และประมาณ 2 พันล้านบาทต่อปีในปี 2567-2568
- รายได้จากการดำเนินงานรวมเท่ากับ 9 พันล้านบาทถึง 3 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยเป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยจำนวน 7 พันล้านบาทถึง 1 หมื่นล้านบาทต่อปี
- อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 29%-32%
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอับดับเครดิต ‘Stable’หรือ ‘คงที่’ สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินที่ปรับตัวดีขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ในระดับต่ำกว่า 70% และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินเกินกว่าระดับ 5% เอาไว้ได้ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงได้หากผลการดำเนินงานและ/หรือสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงจากที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญ ในทางตรงข้าม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากขนาดธุรกิจของบริษัทขยายใหญ่ขึ้น และโครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมากจากที่คาดการณ์ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ในระดับต่ำกว่า 60% และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินอยู่ที่ระดับ 10%-15% อย่างต่อเนื่อง
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565 |
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565 |
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564 |
บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (NOBLE)
อันดับเครดิตองค์กร: |
BBB |
อันดับเครดิตตราสารหนี้: |
|
NOBLE242A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 |
BBB |
NOBLE251A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 |
BBB |
NOBLE256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 |
BBB |
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 700 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 1 ปี |
BBB |
แนวโน้มอันดับเครดิต: |
Stable |
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
© บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้
ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html