WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

อมตะ วิบูลย์

AMATA Q3 รายได้ 1,946.7 ล้านบาท เพิ่ม 86.9% แนวโน้มดีขึ้นขายที่ดินได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 1,770 ไร่

     AMATA แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2565 รายได้รวม 1,946.7 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 86.9 • กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จำนวน 353.4 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 54.5 ส่งผลงวด 9 เดือนแรก ปี 2565 รายได้รวมจำนวน 5,804.5 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 100

      แนวโน้มเศรษฐกิจ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกมีการปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยทางกนอ.มองว่า มีหลายปัจจัยบวกที่เข้ามาส่งเสริมการลงทุนในที่ดินนิคมอุตสาหกรรม อาทิ โครงสร้างพื้นฐานหลักในพื้นที่อีอีซี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ดึงดูดนักลงทุน โดยในปีนี้ คาดว่า จะสามารถขายที่ดินได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 1,770 ไร่

     นอกจากนี้ ทางด้านการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน พบว่ามีการขอรับบัตรส่งเสริมการลงทุนแล้วกว่า 1,247 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 8.5 ในขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ มีมูลค่ารวม 275,624 ล้านบาท โดยประเทศที่มีการลงทุนมากที่สุดสามประเทศแรกคือ จีน 45,024 ล้านบาท ไต้หวัน 39,256 ล้านบาท และญี่ปุ่น 37,591 ล้านบาท

     โดยการลงทุนส่วนใหญ่จากจีนและไต้หวันอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ( EV) เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดว่าการลงทุนในสองสาขานี้ จะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และสำหรับพื้นที่อีอีซี มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนแล้วจำนวน 376 โครงการ มีเงินลงทุนรวม 246,655 ล้านบาท โดยการลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดชลบุรีและระยอง

      สำหรับ ภาพรวมการดำเนินธรุกิจ บริษัทอมตะ คอร์ปเรชัน จำกัด (มหาชน) ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 บริษัทฯมีการพัฒนานิคมอุตสาหรรมใน 4 ประเทศ คือ ประเทศ ไทย เวียดนาม พม่า และลาว มีพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 88,663 ไร่

      ทั้งนี้ เป้าหมายและแนวทางการดำเนินงานด้านความยั่งยืน บริษัทฯ ให้ความสำคัญในประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและมุ่งมั่นที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการลด

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพทางภูมิอากาศ โดยได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

      อีกทั้ง ยังได้กำหนดแนวทางการจัดการและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศไว้ ตั้งเป้าหมายเพื่อเป็นเมืองที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral City) ในปี2583 โดยมีแผนพัฒนาธุรกิจที่จะสร้างโครงการเมืองอัจฉริยะ (Amata Smart City) ที่มุ่งเน้นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพจากการสนับสนุนของเทคโนโลยีและแหล่งพลังงานคาร์บอนต่า รวมถึงนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาปรับใช้ในกระบวนการทำงาน

       ด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการประหยัดพลังงาน บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะจากกิจกรรมทางอ้อมจากการใช้ไฟฟ้า บริษัทฯ จึงมีการสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนในการดูแลระบบสาธารณูปโภคและลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล รวมถึงส่งเสริมให้มีการประหยัดพลังงานในพื้นที่สำนักงาน และพื้นที่ส่วนกลาง

       การบริหารจัดการน้ำ บริษัทฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญและความเสี่ยงในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำ ไม่ว่าจะเป็น วิกฤตการณ์น้ำแล้ง การอุปโภคน้ำเสีย หรือน้ำท่วม บริษัทฯ จึงตั้งคณะทำงานให้เป็นผู้ดูแลเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะ รวมถึงมีการจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำสำรองเพื่อการอุตสาหกรรม โดยปัจจุบัน บริษัทฯมีอ่างเก็บน้ำในนิคมอุตสาหกรรมทั้งสองแห่ง จำนวนรวม 19 แห่ง ขนาดความจุ 61.4 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถสำรองน้ำดิบผิวดินได้มากกว่าร้อยละ 150 นอกจากนี้ ยังสามารถส่งน้ำผ่านเข้าระบบ Reclamation ได้ถึงร้อยละ 57 ดังนั้นถ้าเกิดเหตุการณ์ภัยแล้งที่ฝนทิ้งช่วง บริษัทฯ จะสามารถสำรองน้ำไว้ใช้ได้สูงสุดถึง 18 เดือน

      แนวทางบริหารจัดการขยะมูลฝอยและขยะอตุสาหกรรม เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมของอมตะ ประเทศไทย เป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมมากกว่า 1,000 โรงงาน

และมีพนักงานที่ทำงานในโรงงานมากกว่า 300,000 คน การสร้างขยะมูลฝอยและขยะอุตสาหกรรมก็เป็นอีกเรื่องที่ทางบริษัทฯ ให้ความสำคัญ โดยมีการกำหนดนโยบายหารบริหารจัดการของเสียเพื่อลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และถูกต้องตามกฎหมาย

     ทั้งนี้ สำหรับแนวทางกำจัดขยะมูลฝอย บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะลดปริมาณการฝังกลบขยะให้ได้มากที่สุด โดยขยะทั้งหมดจะผ่านการคัดแยกสำหรับรีไซเคิล และการผลิตเชื้อเพลิงทดแทนในรูปแบบเชื้อเพลิงขยะ (Refuse-derived fuel: RDF) ก่อนการส่งไปกำจัดด้วยวิธีฝังกลบ ซึ่งในปัจจุบันเหลือขยะที่ถูกนำส่งไปฝังกลบแค่เพียงร้อยละ 0.06 ของปริมาณขยะทั้งหมด

     ด้านโครงการอมตะ สมาร์ท แอนด์อีโค ซิตี้นาหม้อ วันที่ 25 สิงหาคม 2565 บริษัทฯ ได้ลงนามสัมปทานที่ดินกับรัฐบาลสปป.ลาว ผ่านบริษัท อมตะซิตี้ ลาว จำกัด พื้นที่รวม 3,150 เฮกตาร์ หรือ 19,687 ไร่ เพื่อพัฒนา โครงการอมตะ สมาร์ท แอนด์ อีโค ซิตี้ นาหม้อ ตั้งอยู่ในแขวงอุดมไซ ประเทศลาว โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งประเทศลาวถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีศักยภาพหลายด้าน ทั้งในด้านของทำเลยุทธศาสตร์ ติดกับ 4 ประเทศเพื่อนบ้าน และอีกทั้งยังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟและทางหลวงเพื่อเชื่อมต่อเมืองใหญ่ ทางอากาศ และท่าเรือนอกพรมแดนประเทศอีกด้วย

       ส่วนในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี2565(3Q/2565) บริษัทฯมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 558.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 377.4 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 208.5 จากงวดเดียวกันของปีก่อน (3Q/2564) โดยบริษัทฯมีการโอนที่ดิน จำนวนทั้งสิ้น 132 ไร่ (ไทย:132ไร่) ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2565 (3Q/2565) ซึ่งมากกว่าการโอนที่ดินในช่วงเดียวกันของปี2564(3Q/2564) ที่มีการโอนจำนวน 20 ไร่ (ไทย: 20ไร่)

       ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 71 เป็นร้อยละ 60 เนื่องจากในไตรมาส 3 ของปี2565(3Q/2565) ที่ดินโอนส่วนใหญ่เป็นที่ดินในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ ระยอง แต่ไตรมาส 3 ของปี 2564 ที่ดินโอนส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ ชลบุรี ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง

       ด้านธรุกิจให้บริการสาธารณูปโภค รายได้ค่าบริการสาธารณูปโภคในช่วงไตรมาสที่3 ของปี 2565 (3Q/2565) จำนวน 829.2 ล้านบาท โดยมีการปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (3Q/2564) จำนวน 335.5 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 68 เนื่องจากการใช้บริการสาธารณูปโภคของลูกค้าภายในนิคมฯ เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักที่ทำให้กำไรขั้นต้นปรับลดลงจาก ร้อยละ 33 มาอยู่ที่ร้อยละ 23 สาเหตุหลักมาจากการลงทุนในระบบสาธารณูปโภคในประเทศเวียดนาม

       ด้านธรุกิจโรงงานให้เช่าสำเร็จรูป รายได้จากการให้เช่าจำนวน 196.2 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 (3Q/2565) มีการปรับตัวลดลง 43.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 (3Q/2564) สาเหตุหลักเนื่องจากในปี 2565 มีการขายโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าในประเทศเวียดนาม อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกำไรขั้นต้นมีการปรับตัวสูงขึ้นจากร้อยละ76 ในไตรมาส 3 ปี2564 (3Q/2564) เป็นร้อยละ79 ในไตรมาส 3 ปี 2565 (3Q/2565)

      นอกจากนี้ บริษัทฯมีรายได้ทางการเงินจากสถาบันการเงินจำนวน 31 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 (3Q/2565) เพิ่มขึ้น 19.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 165 จากปีก่อนหน้า (3Q/2564) มีกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนจำนวน 279.6 ล้านบาท เป็นการขายโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าจำนวน 6 หลัง จากนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 43.8 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 (3Q/2565) ลดลง 65.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 60.1 สาเหตุหลักเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับเวียดนามดอง และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 21.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 124.4 จาก 17.6 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 (3Q/2564) มาอยู่ที่ 39.4 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3 ปี2565 (3Q/2565)

Click Donate Support Web  

EXIM One 720x90 C J

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

PTG 720x100TU720x100sme 720x100

BANPU 720x100QIC 720x100

ธกส 720x100

ใจฟู720x100px

ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!