WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1SAF

SAF โชว์ศักยภาพผู้นำธุรกิจเหล็กกล้าเกรดพิเศษคุณภาพระดับโลก เปิดแผนเสนอขาย IPO ไม่เกิน 80 ล้านหุ้น ยกระดับความแข็งแกร่งสู่การเติบโตอย่างครบวงจร

     ‘บมจ. เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล หรือ SAF’ ผู้นำธุรกิจเหล็กกล้าเกรดพิเศษคุณภาพระดับโลกและการให้บริการชุบแข็งสุญญากาศ เดินหน้าแผนเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 80 ล้านหุ้น เตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปีนี้ วางเป้าหมายขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เร่งลงทุนคลังสินค้าแห่งใหม่และระบบเตาชุบแบบไนไตรดิ้งอย่างครบวงจร เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรมไทย

     ดร.พิศิษฐ์ อริยเดชวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ SAF ผู้นำธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษคุณภาพระดับโลก และมีความเชี่ยวชาญด้้านการให้บริการชุบแข็งสุญญากาศ ซึ่งช่วยเสริมสร้างอนาคตภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้ก้าวหน้า เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมสร้างการเติบโตครั้งสำคัญ ผ่านการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) เพื่อเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ผ่านการส่งมอบผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและบริการที่มีคุณภาพสูง มุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพบุคลากรและกระบวนการดำเนินงานอย่างครบวงจร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (ESG)

     สำหรับ เป้าหมายในอีก 2 ปีข้างหน้า (ปี 2566 - 2567) บริษัทฯ ต้องการจะมียอดขายเติบโตเฉลี่ยประมาณ 23-28% ต่อปี ภายใต้แผนกลยุทธ์ ดังนี้ (1) เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษ ในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเป็นฐานลูกค้าสำคัญที่เชื่อมั่นในคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท รวมถึงเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจอาหารที่มีโอกาสเติบโตสูง (2) พัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

       โดยต่อยอดวัตถุดิบเหล็กกล้าเกรดพิเศษมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป และขยายความร่วมมือกับพันธมิตรผ่านการจัดตั้งเครือข่ายหรือคลัสเตอร์สำหรับผู้ผลิตแม่พิมพ์และชิ้นส่วนโลหะต่างๆ (3) เพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตแปรรูปเหล็กกล้าเกรดพิเศษ ร่วมกับการให้บริการอบชุบสุญญากาศครบวงจร เพื่อให้ได้คุณภาพผลิตภัณฑ์สูงสุด (4) ขยายพื้นที่จัดเก็บวัตถุดิบ โดยลงทุนคลังสินค้าแห่งใหม่ รองรับความต้องการของลูกค้าที่สูงขึ้นและขยายฐานลูกค้าใหม่ (5) มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรม เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันแก่ภาคอุตสาหกรรมไทย (6) สร้างการรับรู้แบรนด์ โดยสร้างการรับรู้และสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันให้แก่ SAF ในระยะยาว

     นายพิศาล อริยเดชวณิช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ SAF กล่าวว่า เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ บริษัทฯ จึงมีแผนลงทุนโครงการคลังสินค้าและโรงงานแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มปริมาณการจัดเก็บวัตถุดิบจาก 2,000 ตัน เป็น 4,000 ตัน คาดจะเริ่มก่อสร้างโครงการภายในปี 2566 และมีแผนเปิดใช้งานภายในไตรมาส 2 ของปี 2566 เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและรองรับโอกาสการเพิ่มยอดขายในอนาคต ซึ่งการบริหารจัดการสินค้าคงคลังมีความสำคัญมาก เนื่องด้วยต้องมีการเก็บวัตถุดิบเหล็กกล้าเกรดพิเศษหลากหลายชนิด รวมถึงต้องมีสินค้าในคงคลังในปริมาณมากพอ

     นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังวางแผนลงทุนระบบเตาชุบแบบไนไตรดิ้ง เพื่อให้บริการชุบได้อย่างครบวงจร ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าที่ซื้อเหล็กกล้าเกรดพิเศษมีความต้องการใช้บริการชุบแบบไนไตรดิ้งเป็นอย่างมาก เพราะทำให้เหล็กมีคุณสมบัติที่ดีขึ้น ทั้งความแข็งที่ผิวเหล็ก ความต้านทานการสึกหรอ และการกัดกร่อน เป็นต้น

     ภญ.ลีนา อริยเดชวณิช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ SAF กล่าวว่า ปัจจุบันฐานลูกค้าหลักของ SAF มาจาก 3 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ 1) กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ประกอบด้วย ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อะไหล่ ล้อรถ อุปกรณ์เสริมยานยนต์ 2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ประกอบด้วย ผู้ผลิตวัสดุอุปกรณ์ที่ทำจากอลูมิเนียม ผู้ผลิตปูนซีเมนต์ และผู้ผลิตเหล็กโครงสร้าง 3) กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ผู้ผลิตน้ำตาลทราย ธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหาร และเครื่องใช้ในครัวเรือน อีกทั้งยังมีรายได้จากกลุ่มอื่นๆ อาทิ ลูกค้ารับจ้างทำงานตามแบบ ลูกค้าผู้รับเหมาย่อย และลูกค้าซื้อมาขายไป โดยลูกค้าส่วนใหญ่มีการติดต่อซื้อขายต่อเนื่องเป็นเวลานาน มีประวัติชำระค่าสินค้าตรงเวลา และมีสถานภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง

      ส่วนผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 รายได้ส่วนใหญ่มาจากผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษสำหรับแม่พิมพ์งานอุตสาหกรรม สัดส่วน 72.66% ของรายได้รวม รายได้จากผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษสำหรับเครื่องจักรกล สัดส่วน 17.27% ของรายได้รวม บริการชุบแข็งด้วยระบบสุญญากาศ คิดเป็นสัดส่วน 4.30% ของรายได้รวม และส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากการขายอื่นๆ เช่น ใบเลื่อยสายพาน เครื่องเลื่อยสายพาน แม่พิมพ์ และชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ เป็นต้น โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 114.72 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 9.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8.04 ล้านบาท จากการปรับราคาขายผลิตภัณฑ์ให้สูงขึ้นตามราคาเหล็กกล้าในตลาดโลก ประกอบกับความสามารถในการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

     นายคมกฤต มีคำสัตย์ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า แผนการระดมทุนเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ของ SAF ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะสร้างโอกาสเติบโตอย่างมั่งคงและยั่งยืน พร้อมยกระดับศักยภาพทางธุรกิจในทุกๆ ด้าน ทั้งฐานะทางการเงิน ความสามารถในการแข่งขัน และโอกาสการเติบโตในอนาคต ซึ่งเชื่อมั่นว่า SAF จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี

    ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทเหล็กกล้าเกรดพิเศษชั้นนำระดับโลกจากประเทศเยอรมนี อาทิ DÖRRENBERG EDELSTAHL GmbH และ WILHELM OBERSTE-BEULMANN GmbH จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่แข่งขันได้ มีการต่อยอดรายได้บริการชุบเหล็กกล้าให้ครบวงจร โอกาสเติบโตไปพร้อมกับลูกค้าที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ ตลอดจนความเชี่ยวชาญมานานกว่า 30 ปี ทั้งนี้ SAF เตรียมที่จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 80 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นไม่เกิน 26.67% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ โดยจะแจ้งราคาเสนอขาย ระยะเวลาการจองซื้อหุ้น และรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้ทราบเพิ่มเติมต่อไป

 

Click Donate Support Web  

 

EXIM One 720x90 C J

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

PTG 720x100TU720x100sme 720x100

BANPU 720x100QIC 720x100

ธกส 720x100

ใจฟู720x100px

ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!