WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRIS7 8ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ‘บ.สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง’ ที่ ‘AA’ แนวโน้ม ‘Stable’

      ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ‘AA’ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทโฮลดิ้งหลักรายหนึ่งของกลุ่มสหพัฒน์

     ตลอดจนการลงทุนที่หลากหลายในบริษัทด้านสินค้าอุปโภคบริโภคภายในกลุ่มสหพัฒน์ และการมีเครือข่ายธุรกิจที่เข้มแข็ง ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการที่บริษัทมีรายได้จากเงินปันผลที่สม่ำเสมอ และมีความยืดหยุ่นทางการเงินที่เข้มแข็งอีกด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นหนึ่งในบริษัทโฮลดิ้งหลักของกลุ่มสหพัฒน์

      บริษัทสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้งเป็นบริษัทโฮลดิ้งหลักของกลุ่มสหพัฒน์ โดยกลุ่มสหพัฒน์เป็นกลุ่มบริษัทด้านสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าหลายประเภทภายใต้แบรนด์ชั้นนำมากมายในตลาดที่หลากหลาย อาทิ ‘มาม่า’วาโก้’’เปา’’เอสเซ้นซ์’’มิสทีน’ ฯลฯ ทั้งนี้ กลุ่มสหพัฒน์ได้พัฒนาเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งแบบครบวงจรตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงการผลิตและการจัดจำหน่าย

       บริษัทยังเป็นผู้ดำเนินธุรกิจสวนอุตสาหกรรมของกลุ่มสหพัฒน์ซึ่งให้บริการสาธารณูปโภคและบริการอื่นๆ แก่บริษัทต่างๆ ที่ประกอบกิจการในสวนอุตสาหกรรมดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทยังทำหน้าที่เป็นบริษัทโฮลดิ้งซึ่งถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ในกลุ่มสหพัฒน์อีกด้วย

มีการลงทุนที่หลากหลาย

       บริษัทมีการลงทุนที่หลากหลายและกระจายตัวเป็นอย่างดี โดย ณ เดือนมีนาคม 2565 บริษัทลงทุนในบริษัทต่าง ๆ จำนวน 177 แห่งมูลค่า 4.71 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่อยู่ในกลุ่มสหพัฒน์ การลงทุนของบริษัทครอบคลุมในกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย เช่น อาหารและเครื่องดื่ม เสื้อผ้า เครื่องสำอาง สินค้าอุปโภคบริโภค และอื่น ๆ ในปี 2564

บริษัทมีเงินปันผลรับจากกลุ่มบริษัทด้านอาหารและเครื่องดื่มคิดเป็นสัดส่วน 39% ของเงินปันผลทั้งหมดที่บริษัทได้รับ ในขณะที่เงินปันผลจากกลุ่มบริษัทด้านสินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้า และเครื่องสำอางมีสัดส่วน 26% 5% และ 4% ตามลำดับ

กลุ่มสหพัฒน์มักจะร่วมลงทุนกับพันธมิตรต่างๆ และได้สร้างความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับหุ้นส่วนทางธุรกิจจำนวนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ทั้งนี้ การร่วมลงทุนกับหุ้นส่วนทางธุรกิจช่วยลดภาระการลงทุนในระยะเริ่มต้นของบริษัทลงได้และช่วยให้บริษัทได้รับการสนับสนุนจากผู้ร่วมลงทุนซึ่งส่งผลให้บริษัทสามารถขยายการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การมีพันธมิตรทางธุรกิจที่หลากหลายยังช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงพันธมิตรทางธุรกิจเพียงรายใดรายหนึ่งได้อีกด้วย

การลงทุนที่หลากหลายช่วยลดผลกระทบจากโรคโควิด 19

กระแสเงินสดหลักของบริษัทมาจากเงินปันผลจากการลงทุน แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากโรคโควิด 19 แต่เงินปันผลรับของบริษัทในปี 2564 ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 1.4 พันล้านบาท การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อบางธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าเครื่องสำอางและแฟชั่น

อย่างไรก็ตาม ในบางธุรกิจ เช่นอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคนั้นจะได้รับผลกระทบที่น้อยกว่าและมีผลการดำเนินงานที่ดีในช่วงที่มีการแพร่ระบาด ทริสเรทติ้ง คาดว่าธุ รกิจของกลุ่มสหพัฒน์จะค่อยๆ ฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 หลังจากที่รัฐบาลได้ใช้นโยบายการกลับมาใช้ชีวิตตามปกติร่วมกับโรคโควิด 19 และการแพร่ระบาดที่ลดลงของสายพันธุ์โอมิครอนซึ่งมีความอันตรายไม่มาก ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าบริษัทจะได้รับเงินปันผลจากการลงทุนประมาณ 1.4 พันล้านถึง 1.5 พันล้านต่อปี ในช่วงปี 2565-2567

การลงทุนใหม่ๆ จะช่วยเพิ่มฐานรายได้ให้มากขึ้น

ในเดือนพฤษภาคม 2565 บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) เป็น 66.75% จากการซื้อหุ้นจำนวน 41.81% จากผู้ถือหุ้นเดิมทั้ง 7 รายของบริษัทธนูลักษณ์ โดยมีมูลค่า 1.06 พันล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีหน้าที่ในการทำคำเสนอซื้อหุ้นบริษัทธนูลักษณ์ส่วนที่เหลือจำนวน 33.25% ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 842 ล้านบาท

และต้องรวมผลการดำเนินงานของบริษัทธนูลักษณ์เข้ากับงบการเงินของบริษัทด้วย บริษัทธนูลักษณ์เป็นบริษัทในกลุ่มสหพัฒน์ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปและเครื่องหนัง ในปี 2564 บริษัทธนูลักษณ์มีรายได้ 1.3 พันล้านบาท และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย 129 ล้านบาท

บริษัทได้เข้าประกอบธุรกิจสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ผ่าน บริษัท อ๊อกซิเจน แอสเซท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ณ เดือนมีนาคม 2565 ยอดสินเชื่อคงค้างของสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์อยู่ที่จำนวน 1.4 พันล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่ายอดสินเชื่อคงค้างจะขยายตัวเป็นประมาณ 2.3 พันล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ดอกเบี้ยรับปีละประมาณ 250 ล้านบาท

บริษัทได้มีการลดความเสี่ยงจากธุรกิจสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงโดยใช้นโยบายการปล่อยสินเชื่อที่ระมัดระวังเช่น อัตราส่วนเงินกู้ต่อสินทรัพย์ค้ำประกันต่ำกว่า 50%

ทริสเรทติ้ง คาดว่า รายได้ของบริษัท (ไม่รวมส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมตามวิธีส่วนได้เสียและเงินปันผลรับ) จะเพิ่มขึ้นจาก 3 พันล้านบาทในปี 2564 เป็น 4 พันล้านบาทในปี 2565 และ 5 พันล้านบาทต่อปีในปี 2566 และ 2567 จากผลการลงทุนใหม่ดังกล่าว ส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 2.1 พันล้านต่อปีในช่วงปี 2565-2567

งบดุลอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

บริษัทยังคงมีงบดุลอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดย ณ เดือนมีนาคม 2564 เงินกู้สุทธิที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 หมื่นล้านบาทเนื่องจากการลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวเนื่องและธุรกิจสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 23.9% ณ เดือนมีนาคม 2565 เมื่อเทียบกับระดับ 20.9%

ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา บริษัทมีแผนจะปรับลดภาระหนี้ลงโดยการขายเงินลงทุนบางส่วนและการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ บริษัทคาดว่าจะได้รับเงินจากธุรกรรมทั้งสองรวมเป็นเงิน 3.3 พันล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นเป็น 20% ในปี 2567

มีสถานะสภาพคล่องที่เพียงพอและมีความยืดหยุ่นสูง

ทริสเรทติ้ง ประเมินว่า สภาพคล่องของบริษัทจะยังคงมีเพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 บริษัทมีแหล่งเงินทุนซึ่งประกอบด้วยเงินสดจำนวน 315 ล้านบาทและเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 425 ล้านบาท บริษัทยังมีวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากสถาบันการเงินหลายแห่งอีกจำนวน 4.3 พันล้านบาท

ทริสเรทติ้ง คาดว่า ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า บริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานประมาณ 1.6 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทจะได้รับเงินทุนจำนวน 3.3 พันล้านบาทจากแผนในการขายเงินลงทุนและการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่ภาระในการชำระหนี้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าของบริษัทประกอบไปด้วยหนี้ระยะยาวจำนวน 997 ล้านบาทและหนี้ระยะสั้นจำนวน 3.35 พันล้านบาท

โดยในปี 2565 บริษัทมีงบลงทุนประมาณ 2.4 พันล้านบาท ความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนที่มีสภาพคล่อง ทั้งนี้ มูลค่าตลาดของเงินลงทุนของบริษัทในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 47 แห่งคิดเป็น 3.87 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 ซึ่งมากกว่า 3 เท่าของเงินกู้รวมคงค้างของบริษัท ณ เดือนมีนาคม 2565 บริษัทไม่มีหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อน

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

  • รายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 4 พันล้านบาทในปี 2565 และ 5 พันล้านบาทในปี 2566 และ 2567
  • ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจะลดลง 3% ในปี 2565 และจะเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 3% ในช่วงปี 2566-2567
  • อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จะอยู่ที่ระดับ 40%-50%
  • งบลงทุนรวมทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 4 พันล้านบาทในช่วงประมาณการ
  • อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 20%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงได้รับเงินปันผลที่แน่นอนจากธุรกิจในกลุ่มสหพัฒนต่อไปเช่นเดิม

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากผลการดำเนินงานของบริษัทต่างๆ ในกลุ่มสหพัฒน์ปรับตัวดีขึ้นเป็นอย่างมากซึ่งจะช่วยเพิ่มกระแสเงินสดให้แก่บริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจลดลงหากรายได้จากเงินปันผลของบริษัทลดลงอย่างมากซึ่งอาจเกิดจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอของบริษัทในเครือของกลุ่มสหพัฒน์ หรือหากบริษัทมีนโยบายก่อหนี้จำนวนมาก

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป,  26 กรกฎาคม 2562

บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (SPI)

อันดับเครดิตองค์กร:

AA

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

SPI256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

AA

SPI276A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570

AA

SPI306A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573

AA

SPI326A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2575

AA

แนวโน้มอันดับเครดิต:

Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com  

ติดต่อ [email protected]  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

    © บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

        ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

 

 Click Donate Support Web  

 

EXIM One 720x90 C J

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

PTG 720x100TU720x100sme 720x100

BANPU 720x100QIC 720x100

ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!