- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Saturday, 14 May 2022 12:26
- Hits: 4310
TNR สวนกระแส Q1/65 ทำรายได้นิวไฮ 519 ล้านบาท เติบโต 20%
ปรับกลยุทธ์มุ่งเพิ่มยอดขาย OEM และ Tender เตรียมส่งถุงยางแบรนด์ใหม่ทำตลาดอเมริกา
บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ หรือ TNR ทำรายได้ไตรมาส 1/2565 นิวไฮที่ 519 ล้านบาท เติบโต 20% ตอกย้ำความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวและการปรับกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว หลังถูกบอกยกเลิกสัญญาภายใต้แบรนด์ Playboy คาดไตรมาส 2 เติบโตอย่างต่อเนื่องจากออเดอร์ที่รอส่งมอบและการส่งออกสินค้าได้รับประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า เร่งปั้นแบรนด์ใหม่วางขายออนไลน์และทำตลาดในอเมริกา มั่นใจปีนี้ทำรายได้จากการขายและบริการตามเป้าหมาย
นายสุเมธ มาสิลีรังสี ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 ตามงบการเงินรวม สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางความกังวลจากภาวะเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว โดยบริษัทฯ ทำรายได้จากการขายและบริการ 519 ล้านบาท เติบโต 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริการ 434 ล้านบาท ถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่ของรายได้ต่อไตรมาสนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ และมีกำไรสุทธิ 68 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 70 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้ผลขาดทุนจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัท ทีเอ็นอาร์ ไบโอไซเอินซ์ จำกัด ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมาเพื่อเตรียมดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายพืชสมุนไพร อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะกิจการของ TNR (ไม่รวมบริษัทย่อย) สามารถทำกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2565 ได้ถึง 80 ล้านบาท ถือเป็นสถิติสูงสุดรายไตรมาสนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ
การที่ผลดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้ในเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมาได้ถูกบอกเลิกสัญญาอนุญาตให้ใช้ผลิตภัณฑ์ (Product License Agreement) ภายใต้แบรนด์ Playboy เนื่องจากบริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ยอดขายจากกลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) และกลุ่มธุรกิจงานประมูล (Tender) เติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 9% และ 300% ตามลำดับ ประกอบกับบริษัทฯ ไม่มีค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาดจากแบรนด์ Playboy อีกต่อไป
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 คาดว่าจะรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีออเดอร์ส่งออกถุงยางอนามัยที่รอส่งมอบอย่างต่อเนื่องและจะได้รับปัจจัยบวกจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่อ่อนค่าอยู่ในระดับ 33-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 30-32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนตลาดในประเทศที่มีแบรนด์ Onetouch เป็นเรือธง ประเมินว่าแนวโน้มตลาดในปีนี้น่าจะกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิด COVID-19 หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเปิดประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์มุ่งเพิ่มยอดขายจากกลุ่มธุรกิจ OEM และอยู่ระหว่างการพัฒนาถุงยางอนามัยแบรนด์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ แบ่งเป็นแบรนด์ที่จะขายและทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์และแบรนด์สินค้าที่จะขายในประเทศสหรัฐอเมริกาผ่านตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้ง คาดว่าจะส่งออกสินค้าในช่วงปลายไตรมาส 2/2565 และเริ่มวางจำหน่ายสินค้าในไตรมาส 3 นี้
“จากผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่ผ่านมา ตอกย้ำว่าบริษัทฯ สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ และการถูกบอกยกเลิกสัญญาภายใต้แบรนด์ Playboy ก็ไม่ได้ทำให้ยอดขายลดลง เราจึงมีความมั่นใจว่าจะสามารถทำรายได้จากการขายและบริการในปีนี้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้” นายสุเมธ กล่าว
A5433