- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Thursday, 17 March 2022 21:08
- Hits: 4951
PPPGC เดินหน้าแผนการระดมทุนปี 65 ขยาย B100 เฟสที่ 2 เพิ่ม 500,000 ลิตรต่อวัน
PPPGC เดินหน้าแผนการระดมทุน ปี65 ขยาย B100 เฟสที่ 2 เพิ่ม 500,000 ลิตรต่อวัน ปี 2565 ตั้งเป้ารายได้ 5,000-6,000 ล้านบาท จากโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ พร้อมศึกษาการเพิ่มมูลค่าน้ำมันสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ Bio-lubricant จากน้ำมันปาล์ม ให้เป็นรายได้ต่อเนื่องยั่งยืน
นายชัยทัศน์ วันชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จำกัด PPPGC เผยถึงความคืบหน้า ว่า หลังบริษัทฯยื่นแบบแสดงข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ช่วงต้นปี 2565 ซึ่งยังอยู่ในระหว่างแก้ไขรายละเอียดต่างๆให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกลต.
สำหรับ แผนการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อนำเงินไปขยายโครงการผลิตไบโอดีเซล (B100) เฟสที่ 2 เพิ่มขึ้นอีก 500,000 ลิตรต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 100% จากเดิม เนื่องจากกำลังการผลิตในเฟสแรกยังเพียงพอต่อความต้องการของตลาดได้ โดยคาดว่าใช้เงินลงทุนประมาณ 800-1,000 ล้านบาท และใช้เวลาในการก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 1 ปี
ทั้งนี้ ปัจจุบันโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ สามารถดำเนินงานได้เต็มกำลังผลิตเมื่อต้นปี 2563 ที่ผ่านมา โดยบริษัทมีรายได้มาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก คือไบโอดีเซล (B100) อยู่ที่ 77% กำลังการผลิตโดยรวมอยู่ที่ 500,000 ลิตรต่อวัน น้ำมันโอเลอิน มีรายได้อยู่ที่ 13% กำลังการผลิต 150 ตันต่อวัน ส่วนที่เหลือจะมาจากกลีเซอรีนบริสุทธิ์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีก 10% โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตกลีเซอรีนบริสุทธิ์ อยู่ที่ 45 ตันต่อวัน
"ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักของผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล (B100) จะเป็นกลุ่มโรงกลั่น โดยเกือบทุกบริษัทในประเทศ อาทิเช่น Thai oil และ IRPC เป็นต้น ขณะที่น้ำมันโอเลอิน ตลาดหลัก ๆ คือ กลุ่มลูกค้าแบ่งบรรจุขายตามตลาด (Repacker)70% และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม มีสัดส่วน 30% ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมมากขึ้นอีก 10% และมีแผนที่จะสร้างแบรนด์เองในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้สินค้าได้ ส่วนกลีเซอรีนบริสุทธิ์ อยู่ที่ 45 ตันต่อวัน ปัจจุบันเน้นตลาดส่งออก 100%”นายชัยทัศน์
สำหรับ แผนงานปี 2565 ทาง PPPGC ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 5,000-6,000 ล้านบาท จากโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ ที่สามารถดำเนินธุรกิจได้เต็มกำลังการผลิต รวมถึงปัจจัยบวกจากนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B10 เป็นน้ำมันดีเซลหลักของประเทศ ซึ่งมีผลทำให้ปริมาณการใช้ไบโอดีเซล (B100) ในประเทศเติบโตสูงขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯกำลังศึกษา Value Added of Vegetable Oils: Bio-lubricant จากน้ำมันปาล์มในการเพิ่มมูลค่าน้ำมันพืช โดยการสังเคราะห์เป็นน้ำมันหล่อลื่นชีวภาพ เพื่อปรับปรุงสมบัติทางเคมีและทางกายภาพ โดยใช้หลากหลายกระบวนการในการดัดแปลง ได้แก่ ปฏิกิริยาไฮโดรไลซิส การตกผลึกด้วยยูเรีย ปฏิกิริยาอิพ็อกซิเดชัน ปฏิกิริยาการเปิดวงอิพ็อกไซด์ และปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่สังเคราะห์ Bio-lubricant ได้อยู่ในข้อกำหนดสมบัติพื้นฐานที่เหมาะสมสำหรับใช้เป็นน้ำมันไฮดรอลิกสังเคราะห์ประเภทเอสเทอร์ ตามมาตรฐาน ISO 15380 การย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ทำให้สอดคล้องกับข้อกำหนดและมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม
นายชัยทัศน์ วันชัย กล่าวอีกว่า“เป้าหมายหลักในการดำเนินธุรกิจที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือ การเพิ่มขีดความสามารถและพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศไทยให้มีความแข็งแกร่ง ผ่านการเพิ่มผลิตภาพและผลกำไรของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ซึ่งในมุมมองของบริษัทฯ การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารระบบปฏิบัติการขององค์กรถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้มีผลผลิตมากขึ้น รวมถึงลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม”
โดยการเริ่มต้นใช้งาน SAP S/4HANA ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ ERP อัจฉริยะของ เอสเอพี เมื่อเร็วๆนี้ ทำให้ PPPGC สามารถผสานรวมข้อมูลองค์กรอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมสำหรับการตัดสินใจและการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ นายชัยทัศน์ ระบุว่าการดำเนินงานของบริษัทมีความคล่องตัวมากขึ้น และกระบวนการต่างๆได้รับการปรับปรุงให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
"การลงทุนใช้ SAP S/4HANA นับเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ภายใต้กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสู่ธุรกิจดิจิทัล ด้วยแพลตฟอร์ม ERP ที่แข็งแกร่ง ทำให้ตอนนี้ PPPGC สามารถปรับปรุงมาตรฐานและขั้นตอนการปฏิบัติงานของเราให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
นอกจากนี้ เรายังใช้เทคโนโลยีของ เอสเอพี มาวิเคราะห์ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะมีข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ ที่สำคัญ เทคโนโลยีของ เอสเอพี ทำให้กระบวนการทำงานในองค์กรดำเนินงานได้แบบอัตโนมัติ เพิ่มความโปร่งใสในห่วงโซ่คุณค่า ประเมินกระบวนการดำเนินงานได้ทันทีและทำให้เรามั่นใจได้ว่า ทั้งการผลิตและการจัดหาน้ำมันปาล์มนั้น มีความยั่งยืนและสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ"
PPPGC ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 เกิดจากการร่วมทุนระหว่าง 3 ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศไทย ได้แก่ กลุ่มบริษัทท่าฉางอุตสาหกรรม บริษัทพีทีจี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) และบริษัท อาร์.ดี. เกษตรพัฒนา จำกัด โดยที่ผ่านมาองค์กรได้มุ่งมั่นในการทำ Business Transformation ต่อเนื่องด้วยเป้าหมายในการเป็น 'ปาล์มคอมเพล็กซ์' ชั้นนำของประเทศไทย
ตลอดจนเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม ผลิตน้ำมันสำหรับประกอบอาหาร และไบโอดีเซล ที่ดำเนินธุรกิจแบบบูรณาการและยั่งยืน เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น และกระบวนการทางธุรกิจต่างๆ ทวีความซับซ้อนมากขึ้น PPPGC ตระหนักว่า บริษัทต้องเริ่มปรับเปลี่ยนโดยนำนวัตกรรมรวมถึงเทคโนโลยีนำสมัยต่างๆมาใช้ เพื่อปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงโควิด-19