- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Monday, 14 March 2022 08:06
- Hits: 6796
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร ‘บ.บีอีซี เวิลด์’ ที่ ‘BBB’ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน วงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาทที่ ‘BBB’ และเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น ‘Positive’ จาก ‘Stable
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ‘BBB’ พร้อมทั้งปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น ‘Positive’ หรือ ‘บวก’ จาก ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ ‘BBB’ แนวโน้มอันดับเครดิตเป็น ‘Positive’ หรือ ‘บวก’ ด้วย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนหนี้ที่ครบกำหนด
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัทในอุตสาหกรรมทีวี การมีคอนเทนต์ละครจำนวนมาก และฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง อันดับเครดิตยังคำนึงถึงปัจจัยกดดันด้านรายได้ค่าโฆษณาจากการที่ผู้ชมหันไปบริโภคสื่อออนไลน์อย่างต่อเนื่อง การแข่งขันที่รุนแรงจากทุกๆ สื่อ และภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน
การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น ‘Positive’ หรือ ‘บวก’ สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากต้นทุนที่ลดลง อันดับเครดิตอาจถูกปรับขึ้นได้หากบริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าบริษัทจะสามารถเพิ่มรายได้จากการขายคอนเทนต์ละครและจากธุรกิจอื่นๆ ขณะที่ยังสามารถรักษาความเข็มแข็งของรายได้จากค่าโฆษณาทางทีวี และควบคุมต้นทุนได้อย่างเหมาะสม
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นจากการลดต้นทุน
พัฒนาการด้านต้นทุนดำเนินงานต่างๆ ของบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้ปรากฏผล ขนาดองค์กรที่เล็กลงและต้นทุนด้านบุคลากรที่ลดลง การเลือกสรรตลอดจนการควบคุมต้นทุนในการผลิตหรือซื้อคอนเทนต์ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายต่างๆ ที่ลดลงล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ในปี 2564 อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัท (EBITDA Margin) อยู่ที่ 26.2% เทียบกับระดับ 5%-10% ในปี 2560-2563 บริษัทรายงานกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้านบาท เปรียบเทียบกับ 433 ล้านบาทในปี 2563 ทั้งนี้ ในการวิเคราะห์ของทริสเรทติ้ง ค่าตัดจำหน่ายลิขสิทธิ์รายการจะถูกคิดเป็นต้นทุนในการดำเนินงานของบริษัท และไม่ได้ถูกบวกกลับในการคำนวณ EBITDA
บริษัทรายงานรายได้ 5.7 พันล้านบาทในปี 2564 ลดลง 3% จากปี 2563 ซึ่งการลดลงดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทขายเงินลงทุนใน บริษัท เทโร เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (ชื่อเดิม บีอีซี เทโร เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)) ออกไปในเดือนธันวาคมปี 2563 รายได้ค่าโฆษณาของบริษัทเพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 4.8 พันล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากทั้งจำนวนนาทีการขายโฆษณาและราคาขายโฆษณา
โดยมาจากรายการข่าวที่มีการปรับรูปแบบการนำเสนอและละครในช่วงเวลาไพรมไทม์ (Prime Time) เป็นหลัก ในขณะที่รายได้จากการขายลิขสิทธิ์รายการไปต่างประเทศและช่องทางออนไลน์ลดลง 19.7% จากปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ 846 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุหลักมาจากแผนการออกอากาศแบบ Simulcast ได้รับผลกระทบจากการถ่ายทำที่หยุดชะงักจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19)
คาดการณ์ว่ารายได้จะไม่ลดลงมากกว่านี้
สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ 6-6.2 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2565-2567 โดยรายได้ค่าโฆษณาจะฟื้นตัวในระดับปานกลางจากการที่สินค้ามีความต้องการการโฆษณามากขึ้นเมื่อกิจกรรมทางสังคมและเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้นจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะสามารถขึ้นราคาค่าโฆษณาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาไพรมไทม์ (Prime Time) จากการใช้ละครที่เคยออกอากาศไปแล้ว (Rerun) ลดลง ซึ่งในปี 2564 ที่ผ่านมาบริษัทฉายละครที่เคยออกอากาศไปแล้วราวๆ 1 ใน 4 ของละครที่ออกอากาศทั้งหมด นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่า รายได้จากการขายลิขสิทธิ์รายการไปในต่างประเทศและช่องทางออนไลน์จะยังคงเติบโตจากปีก่อนหน้า
โดยเฉพาะรายได้ที่มาจากการ Simulcast จากการคาดการณ์ว่าปัญหาในการถ่ายทำจะลดลง ทริสเรทติ้งมีมุมมองว่า ความพยายามของบริษัทในธุรกิจใหม่ ๆ ทั้งภาพยนตร์ เพลง และแอปพลิเคชัน (CH3 Plus และ CH3 Plus Premium) จะช่วยส่งเสริมระบบนิเวศธุรกิจของบริษัทให้เข้มแข็งขึ้น อย่างไรก็ดี ธุรกิจใหม่ดังกล่าวยังอยู่ในระยะเริ่มต้นและน่าจะต้องใช้เวลาอีกระยะกว่าจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ
จากการคาดการณ์ว่าบริษัทจะลดจำนวนการฉายละครที่เคยออกอากาศแล้วลงจำนวนมาก ทริสเรทติ้งจึงคาดการณ์ว่าต้นทุนของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจากปี 2564 สมมติฐานของทริสเรทติ้ง คาดว่า EBITDA Margin ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 18%-20% ในช่วงปี 2565-2567 โดยอัตรากำไรดังกล่าวจะทำให้บริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 1-1.2 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2567 พฤติกรรมในการรับชมสื่อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป การแข่งขันจากทุกๆ สื่อ
และผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโรคระบาดจะยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อรายได้จากโฆษณาของบริษัท อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งยังเชื่อว่าทีวีจะยังคงเป็นสื่อหลักที่สินค้าต่างๆ จะใช้เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงผู้บริโภค นอกจากนี้ ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทปรับตัวดีขึ้นมากเทียบกับช่วงหลายปีที่ผ่านมา และโครงสร้างต้นทุนที่เหมาะสมกับการดำเนินงานในปัจจุบัน
มีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งและสภาพคล่องเพียงพอ
ณ สิ้นปี 2564 บริษัทมีเงินสดในมือสูงกว่าระดับหนี้สินที่มี โดยบริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ สิ้นปี 2564 จำนวน 4.7 พันล้านบาท ขณะที่มีหนี้หุ้นกู้จำนวน 3 พันล้านบาท สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าระดับหนี้สินของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป
โดยมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 0.5 เท่าในปี 2565-2567 โดยสมมติฐานดังกล่าวได้คำนึงถึงนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ไม่ต่ำกว่า 90% ของกำไรสุทธิของบริษัท และรวมการคาดการณ์ว่าบริษัทจะมีแผนลงทุนรวมประมาณ 1.3 พันล้านบาทในช่วงปี 2565-2567
ทริสเรทติ้ง ประเมินว่า บริษัทมีสภาพคล่องที่เพียงพอในระยะ 12 เดือนข้างหน้าโดยพิจารณาจากแหล่งที่มาและแผนการใช้เงินทุนของบริษัท ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานที่ระดับ 915 ล้านบาทและมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ สิ้นปี 2564 อีกจำนวน 4.7 พันล้านบาท แผนการลงทุนประมาณ 700-800 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระ 3 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทมีแผนจะรีไฟแนนซ์ด้วยการออกหุ้นกู้ชุดใหม่นี้ 2 พันล้านบาท
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
- บริษัทจะมีรายได้ 6-6.2 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2565-2567
- EBITDA Margin ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 18%-20% ในช่วงปี 2565-2567
- บริษัทจะมีแผนลงทุนรวมประมาณ 1.3 พันล้านบาทในช่วงปี 2565-2567
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องได้ด้วยโครงสร้างต้นทุนที่ดีขึ้น
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทจะเกิดขึ้นได้หากบริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าบริษัทจะสามารถเพิ่มรายได้ขณะที่ยังสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างเหมาะสมจนทำให้ EBITDA ของบริษัทอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 1 พันล้านบาทได้อย่างต่อเนื่อง แนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับเป็น “Stable” หรือ “คงที่” หากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ ทั้งจากภาวะซบเซาอย่างต่อเนื่องของงบโฆษณาหรือจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจและรูปแบบสื่ออื่น ๆ ที่สามารถทดแทนกันได้
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) (BEC)
อันดับเครดิตองค์กร: |
BBB |
อันดับเครดิตตราสารหนี้: |
|
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 5 ปี |
BBB |
แนวโน้มอันดับเครดิต: |
Positive |
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
© บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้
ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html