- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Wednesday, 27 October 2021 07:52
- Hits: 11468
‘ทาทา สตีล’เผยกำไร 922 ลบ. รายได้หลักจากสินคาปรับราคาสูง ผู้บริหารแจงได้อานิสงส์ส่งออกเหล็กแท่ง เชื่อธุรกิจเหล็กดีขึ้นปีงบประมาณใหม่
นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน)TSTH เปิดเผยถึงผลการดําเนินงานของบริษัท ว่าไตรมาสที่ 2 ของปีการเงิน 2565 (กรกฎาคม-กันยายน 2564) บริษัท มีรายได้จากการขายและบริการที่เกี่ยวข้องในไตรมาสนี้ที่ 7,894 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน เมื่อเทียบกับไตร มาสเดียวกันของปีก่อน และช่วง 6 เดือนของปีก่อน รายได้จากการขายเพิ่มสูงขึ้น โดยหลักมาจากราคาสินค้าที่ปรับตัว สูงขึ้นจากราคาเศษเหล็กและเหล็กแห่งที่เพิ่มสูงขึ้นสอดคล้องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่วนกําไร(ขาดทุน)ก่อนภาษีเงินได้ บริษัทรายงานผลกําไรก่อนภาษีที่ 922 ล้านบาทในไตรมาสนี้ เทียบกับกําไรก่อนภาษีที่ 849 ล้านบาทในไตรมาสก่อน ขณะที่กําไรก่อนภาษีในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 139 ล้านบาท
“สําหรับงวด 6 เดือน บริษัทรายงานผลกําไรก่อนภาษีที่ 1,771 ล้านบาท เทียบกับกําไรก่อนภาษีที่ 218 ล้านบาท ในช่วง เดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาขายที่สูงขึ้นและปริมาณการขายสินค้าสําเร็จรูปที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบ กับบริษัทมีการส่งออกแท่งเหล็ก เปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนและปีก่อน รายได้จากการขายและบริการที่เกี่ยวข้อง ปริมาณการขายสินค้าในไตรมาสนี้อยู่ที่ 326,000 ตัน ลดลงร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่เนื่องจาก ยอดขายสินค้าเหล็กเส้นที่ลดลงจากความต้องการในประเทศที่ซบเซาจากการระบาดของไวรัสโควิต-19 ระลอกที่ 3 อย่างไรก็ตามบริษัทซตเซย ด้วยการส่งออกเหล็กแท่ง เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปริมาณขายสินค้าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5 ”
นายราจีฟ กล่าวพร้อมบอกต่อว่า ผลการดําเนินงานที่ดีขึ้นในช่วงนี้ มาจากราคาขายสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างราคาสินค้าและราคาวัตถุดิบปรับตัวดีขึ้นจากการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจโลก ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุม และการส่งออกที่ชะลอตัว ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจสําหรับปี ปฏิทิน 2560 ลงเหลือร้อยละ 0.7 เนื่องจากการล็อกดาวน์ที่ยืดเยื้อ พื้นที่วิกฤตเพิ่มมากขึ้น และการขาดแคลนแรงงาน การก่อสร้างภาครัฐชะลอตัวลง เนื่องจากไม่มีโครงการใหม่ๆ เข้าสู่ขั้นตอนการก่อสร้างท่ามกลางโครงการที่ดําเนินอยู่นี้ การก่อสร้างภาคเอกชนลดลงในการก่อสร้างทุกประเภทยกเว้นอุตสาหกรรม ขณะที่ค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้กรรมการผู้จัดการใหญ่ TSTH บอกต่อว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงมีปัจจัยความไม่แน่นอน เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนทั่วโลกแตกต่างกันอย่างมาก ทำให้จํากัดความสามารถของบางประเทศในการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบและเพิ่มความตึงเครียดในการค้าโลกและห่วงโซ่อุปทาน แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงด่าเนินต่อไป โดยทั่วโลกกําลังอยู่ในระหว่างการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง แต่ยังไม่แน่นอนนักบางประเทศ และผู้คนจํานวนมากยังคงตกงาน
สำหรับแนวโน้มดลาดเหล็กโลก ปัจจัยสำคัญมาจากจีนประกาศลดการผลิตเหล็กในครึ่งปีหลัง ปีปฏิทิน 2564 โดยครึ่งแรกโรงงานเหล็กของจีนได้ผลิตเหล็กดิบเพิ่มขึ้นเกือบ 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 โดยได้รับแรงหนุนจากการอัตรากําไรที่ปรับดีขึ้น อุปสงค์ที่แข็งแกร่ง และราคาเหล็กที่สูง ทั้งนี้รัฐบาลจีนต้องการปฏิบัติตามบรรทัดฐานด้านสิ่งแวดล้อมและแนะนําให้อุตสาหกรรมเหล็กไม่ผลิตมากกว่า ปี 2563 เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อราคาแร่เหล็กในต่างประเทศ แต่ก็ช่วยสนับสนุนต่อราคาเหล็กสาเร็จรูปเป็นผลให้การส่งออกของจีนมีราคาสูงขึ้นและมีการน่าเข้าเหล็กที่จีน
ส่วนแนวโน้มผลการดําเนินงานของบริษัทได้รับผลบวก จากการส่งออกเหล็กแท่งเป็นครั้งแรก และบริษัทได้รับคําสั่งซื้อสินค้าส่งออกไปยังประเทศแคนาดาเป็นครั้งที่สอง รวมทั้งการริเริ่มด้านเทคโนโลยีเพื่ออัพเกรดคุณภาพของเหล็กลวด การริเริ่มด้านดิจิทัลมาใช้ในระบบการจัดซื้อจัดจ้างแบบออนไลน์ การเริ่มใช้เฟสแรกของระบบข้อมูล HR การบริการตนเองของพนักงาน และของผู้จัดการ ฯลฯ และดําเนินการฉีดวัคซีนให้พนักงานและผู้รับเหมา โดยมากกว่า 98% จะได้รับการฉีดวัคซีนครบสองเข็มภายในสิ้นเดือน ตุลาคมนี้
“โดยรวมความเชื่อมั่นทางธุรกิจคาดว่าจะดีขึ้นในปีงบประมาณใหม่ สืบเนื่องจากมรสุมที่ลดลงและสถานการณ์โควิดดีขึ้น มองว่าราคาเหล็กระหว่างประเทศยังคงแข็งแกร่งตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ในตลาดท้องถิ่นและการตัดลดการผลิตในประเทศจีน คาดว่าความพร้อมใช้ของเศษเหล็กจะยังคงยากลําบากจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดภายในประเทศและอัตราค่าระวางที่สูงมากในการนําเข้าวัสดุต่างๆ ธุรกิจเหล็กลวดยังคงแข็งแกร่งด้วยข้อเสนอที่สูงขึ้นจากจีน”นายราจีฟ มังกัล กล่าวสรุป
******************************************
