- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Saturday, 02 October 2021 20:06
- Hits: 7448
ฟิทช์ ปรับแนวโน้มเครดิต CP ALL เป็นลบ คงอันดับเครดิตที่ A-(tha)
ฟิทช์ เรทติ้งส์ - กรุงเทพฯ - 23 กันยายน 2564: บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) ของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP ALL เป็นลบ จากมีเสถียรภาพ และคงอันดับเครดิตดังกล่าวที่ A-(tha)
แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ สะท้อนถึงการลดลงของอัตราส่วนหนี้สินของ CP ALL ที่ล่าช้า จากมาตรการปิดเมือง (Lockdown) ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 อันเนื่องมาจากสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 รวมถึงความเสี่ยงจากข้อจำกัดการเดินทางที่ยังคงมีอยู่และการฟื้นตัวของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่อ่อนแอ ซึ่งอาจทำให้การลดลงของอัตราส่วนหนี้สินในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้าล่าช้าออกไป
อันดับเครดิตที่ A-(tha) สะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของ CP ALL ในฐานะผู้ประกอบการค้าปลีกประเภทอาหาร (Food Retail) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีความสามารถในการแข่งขันที่สูงกว่าคู่แข่งขันเป็นอย่างมาก
ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
อัตราส่วนหนี้สินอยู่ในระดับสูง: ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของ CP ALL ที่วัดจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO adjusted net leverage) จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงกว่า 7 เท่า ในปี 2564 จากระดับ 6.5 เท่า ณ สิ้นปี 2563 เนื่องจากผลประกอบการที่อ่อนแอลงอันเป็นผลจากการระบาดระลอกใหม่ของเชื้อโควิด 19
ฟิทช์ คาดว่า อัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวน่าจะลดลงมาอยู่ในระดับประมาณ 6.0 เท่าได้ ในปี 2566 ซึ่งล่าช้ากว่าที่ประมาณการไว้เดิม 18-24 เดือน เนื่องจากการฟื้นตัวของจำนวนคนเข้าร้านและยอดขายที่ใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้เดิม อย่างไรก็ตาม การใช้มาตรการปิดเมืองยังคงเป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้การลดลงของอัตราส่วนหนี้สินไม่เป็นไปตามที่คาด ด้วยอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศไทยที่ยังอยู่ในระดับต่ำแม้ว่าจะกำลังเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม
การประเมินอันดับเครดิตใหม่หลังจากการปรับโครงสร้าง: ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2564 CP ALL ได้ประกาศเจตจำนงที่จะปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัท ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (CPRD) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ของบริษัทที่บริหารร้านค้า Lotus ในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย โดย CP ALL จะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน CPRD ผ่านการถือหุ้นของบริษัทย่อย ได้แก่บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) (Makro, A-(tha)/แนวโน้มเครดิตเป็นลบ) ซึ่งจะเป็นผู้ถือหุ้นโดยตรง ตามด้วยแผนการเสนอขายหุ้นสามัญของ Makro ต่อประชาชนทั่วไป โดย CP ALL คาดว่ารายการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในปี 2564
อย่างไรก็ตาม กำหนดเวลาของการเสนอขายหุ้นสามัญ ยังคงขึ้นอยู่กับความไม่แน่นอนของสถานการณ์ตลาดรวมถึงมีความเสี่ยงในการดำเนินการ ฟิทช์คาดว่าการรวมเอาธุรกิจของ Lotus เข้ามาเป็นบริษัทย่อย จะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของ CP ALL เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากทำให้กลุ่ม CP ALL มีประเภทสินค้าและบริการที่เสนอขายมากขึ้น และมีรูปแบบของร้านค้าในเครือข่ายที่หลากหลายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากแผนการปรับโครงสร้างดังกล่าวที่มีต่ออัตราส่วนหนี้สินและอันดับเครดิตของ CP ALL จะขึ้นอยู่กับกำหนดเวลาของการเสนอขายหุ้นสามัญของ Makro ต่อประชาชนทั่วไป รวมถึงแผนการใช้เงินที่จะได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญดังกล่าว ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูล ดังนั้น ฟิทช์จึงจะประเมินผลกระทบของรายการดังกล่าวที่มีต่ออันดับเครดิตของ CP ALL อีกครั้งเมื่อมีข้อมูลที่เพียงพอ
การฟื้นตัวที่ช้ากว่าที่คาด: ฟิทช์คาดว่ารายได้ของ CP ALL จะลดลงในอัตราร้อยละ 2-3 ในปี 2564 (จากเดิมที่เคยคาดไว้ว่าจะเติบโตในอัตราร้อยละ 7-8) และคาดว่า จะเติบโตได้ในอัตราประมาณร้อยละ 6 ในปี 2565 การระบาดของเชื้อโควิด 19 ระลอกที่ 3 ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 และระลอกที่ 4 ในเดือนกรกฎาคม 2564 ซึ่งตามมาด้วยการใช้มาตรการปิดเมืองในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2564 ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของผลประกอบการของ CP ALL ในปี 2564 เป็นอย่างมาก
ฟิทช์ เชื่อว่าข้อจำกัดในการเดินทางและการดำเนินธุรกิจบางส่วนที่อาจยังคงมีอยู่หรือมีการประกาศใช้อีกเป็นครั้งคราว อาจเป็นแรงกดดันต่ออัตราการฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี 2564 และในปี 2565
ยอดขาย 7-Eleven ลดลงแต่ยอดขาย Makro คงที่: ฟิทช์คาดว่ายอดขายของร้าน 7-Eleven จะลดลงร้อยละ 4-5 ในปี 2564 เนื่องจากจำนวนคนเข้าร้านได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดเมืองในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 รวมถึงมาตรการการทำงานที่บ้าน (Work from Home) ที่นำกลับมาใช้อีกครั้ง
ฟิทช์ คาดว่า จำนวนคนเข้าร้านจะค่อยๆ ฟื้นตัวในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 จากการผ่อนคลายมาตรการการจำกัดการเดินทางต่างๆ นอกจากนี้ยอดขายทางออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นก็น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัวในปี 2565 ทั้งนี้ ฟิทช์คาดว่าการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ น่าจะเริ่มมีการฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2565
ส่วนธุรกิจค้าส่งของ Makro ในปี 2564 น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากยอดขายที่ลดลงของกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจจัดเลี้ยง (HORECA) น่าจะได้รับการชดเชยบางส่วนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากช่องทางออนไลน์และจากลูกค้าประเภทครัวเรือน ซึ่งหันมาทำอาหารรับประทานเองที่บ้าน รวมถึงมีความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความสะอาดปลอดภัยของอาหารจากการรับประทานอาหารนอกบ้านและการซื้ออาหารในตลาดสด
สถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง: CP ALL เป็นผู้ประกอบการค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจร้านสะดวกซื้อมากกว่าร้อยละ 60 ในด้านจำนวนร้านค้า CP ALL ยังถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 93 ใน Makro ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจค้าส่งสมัยใหม่ประเภทอาหาร (Modern-Trade Food Wholesale) ในประเทศไทย และถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 40 ในธุรกิจร้าน Lotus ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกประเภทร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ (Hypermarket)
เครือข่ายที่กว้างขวาง: สถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของ CP ALL มีปัจจัยสนับสนุนจากการที่บริษัทฯ มีร้านค้าในเครือเป็นจำนวนมากและครอบคลุมพื้นที่อย่างกว้างขวาง รวมถึงการมีหน่วยงานในเครือที่สนับสนุนกิจการค้าปลีกของบริษัทฯ ได้แก่การบริการด้านลอจิสติกส์ การซ่อมแซมและบำรุงรักษาร้านค้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการฝึกอบรมและพัฒนาพนักงาน นอกจากนี้ CP ALL ยังน่าจะได้รับประโยชน์จากการใช้ระบบนิเวศทางธุรกิจร่วมกันและการรวมเครือข่ายร้านค้ากว่า 13,000 ร้านในกลุ่ม
ตราสารหนี้ที่มีลักษณะคล้ายทุน: อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนของบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับเครดิตให้อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ CP ALL ผู้ออกหุ้นกู้ 2 อันดับ เพื่อสะท้อนถึงสถานะด้อยสิทธิเป็นอย่างมาก
ฟิทช์ พิจารณาให้หุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวมีส่วนของหนี้ที่คิดเป็นทุน (Equity Credit) ร้อยละ 50 ตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ โดยลักษณะที่คล้ายทุนของหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของฟิทช์ ได้แก่ สถานะด้อยสิทธิกว่าหนี้อื่นๆ การมีระยะเวลาไถ่ถอนที่น่าจะเป็น (Effective Maturity) คงเหลือยาวกว่า 5 ปี และสิทธิของผู้ออกหุ้นกู้ในการเลื่อนการชำระดอกเบี้ย โดยEquity Credit ถูกจำกัดอยู่ที่ร้อยละ 50 เนื่องจากลักษณะของดอกเบี้ยที่มีการสะสม (cumulative) แม้จะมีการเลื่อนชำระ และการชำระดอกเบี้ยสะสมจะเป็นการชำระโดยเงินสด
การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป
CP ALL มีสถานะทางการตลาดในประเทศไทยที่แข็งแกร่ง ในฐานะผู้ประกอบการค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งมีเครือข่ายครอบคลุมร้านค้าทุกรูปแบบตั้งแต่ ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าส่ง ซึ่งเปรียบเทียบได้กับบริษัทที่เป็นผู้นำในธุรกิจอื่นๆ เช่น บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC (A+(tha)/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นผู้ผลิตปูนซิเมนต์และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นปลายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
CP ALL มีความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งกว่า ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูงกว่าคู่แข่งรายใหญ่อันดับสองเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ CP ALL ยังมีกระแสเงินสดที่ค่อนข้างสม่ำเสมอตลอดวัฏจักรของธุรกิจ เนื่องจาก CP ALL จำหน่ายสินค้าที่จำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวัน
ในขณะที่กระแสเงินสดของ SCC ต้องเผชิญกับความต้องการสินค้าที่มีลักษณะเป็นวัฏจักรและความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ CP ALL มีอันดับเครดิตต่ำกว่า SCC สองอันดับ เนื่องจากมีอัตราส่วนหนี้สินที่สูงกว่าเป็นอย่างมาก จากการเข้าซื้อกิจการรวมถึงผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสที่มีต่อผลการดำเนินงาน
สถานะทางการตลาดและขนาดธุรกิจของ CP ALL มีความแข็งแกร่งกว่าบริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP (A+(tha)/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ สถานะเครดิตโดยลำพังที่ a(tha)) ซึ่งเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ว่า SCGP จะมีการกระจายความเสี่ยงในด้านประเภทลูกค้าและด้านภูมิศาสตร์ที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนหนี้สินของ CP ALL อยู่ในระดับสูงกว่า SCGP เป็นอย่างมาก ดังนั้น CP ALL จึงมีอันดับเครดิตต่ำกว่าสถานะเครดิตโดยลำพังของ SCGP อยู่หนึ่งอันดับ
บริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC (A(tha)/แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นมีเสถียรภาพ) มีอันดับเครดิตสูงกว่า CP ALL หนึ่งอันดับ แม้ว่า SCCC จะมีสถานะทางธุรกิจที่ด้อยกว่า CP ALL เนื่องจากเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศไทย แต่อัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำกว่าของ CP ALL เป็นอย่างมาก สามารถชดเชยสถานะทางธุรกิจที่ด้อยกว่าได้ในความเห็นของฟิทช์
เมื่อเปรียบเทียบกับ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC (A+(tha)/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ/ สถานะเครดิตโดยลำพังที่ a-(tha)) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ที่สุด 3 อันดับแรกของประเทศ GPSC มีกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้มากกว่า CP ALL เนื่องจากมีสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าและไอน้ำระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งช่วยป้องกันบริษัทฯ จากความเสี่ยงด้านปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานะในการแข่งขันที่แข็งแกร่งของ CP ALL
รวมถึงกระแสเงินสดจากการดำเนินงานส่วนใหญ่ที่มาจากความต้องการที่สม่ำเสมอของสินค้าที่ใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน ทำให้ชดเชยการที่รายได้ของ CP ALL ไม่มีสัญญาระยะยาวมารองรับ ฟิทช์คาดว่าทั้ง 2 บริษัทจะมีอัตราส่วนหนี้สินอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ดังนั้น CP ALL จึงมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับเดียวกับสถานะเครดิตโดยลำพังของ GPSC
สมมุติฐานที่สำคัญ
สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ
- ประมาณการของฟิทช์ไม่ได้รวมแผนการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Lotus และการเสนอขายหุ้นสามัญของ Makro ต่อประชาชนทั่วไป
- รายได้ลดลงร้อยละ 2-3 ในปี 2564 ก่อนที่จะฟื้นตัวด้วยอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 6 ในปี 2565 และร้อยละ 8-9 ในปี 2566
- อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่าต่อรายได้ (EBITDAR Margin) ลดลงมาอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 8 ในปี 2564 และปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 9-10 ในปี 2565-2566
- ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนจำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท- 1.5 หมื่นล้านบาทต่อปีในปี 2564 และ 1.8 หมื่นล้านบาท-2.1 หมื่นล้านบาท ต่อปีในปี 2565-2566 ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนในต่างประเทศของ Makro ด้วย
-ไม่มีเงินปันผลรับจาก Lotus ในปี 2564-2566
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยบวก:
- สำหรับการปรับแนวโน้วอันดับเครดิตกลับมาเป็นมีเสถียรภาพ ได้แก่ FFO adjusted net leverage ลดลงมาอยู่ในระดับ 6.0 เท่าภายในปี 2565
- สำหรับการปรับเพิ่มอันดับเครดิต ได้แก่ FFO adjusted net leverage ที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 5.0 เท่าอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยลบ:
- FFO adjusted net leverage ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 6.0 เท่าหลังจากปี 2565
- EBITDAR Margin ที่ลดลงต่ำกว่าร้อยละ 7.5 อย่างต่อเนื่อง
สภาพคล่อง
สภาพคล่องที่แข็งแกร่ง: สภาพคล่องของ CP ALL มีปัจจัยสนับสนุนหลักจากเงินสดในมือจำนวน 3.1 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายนปี 2564 ซึ่งเพียงพอสำหรับหนี้สินจำนวน 2.4 หมื่นล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระคืนใน 12 เดือนข้างหน้า ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2565 CP ALL ได้ออกหุ้นกู้ชุดใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 รวมจำนวน 8.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งของเงินที่ได้รับได้นำไปชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งกู้ยืมมาเพื่อใช้เข้าซื้อกิจการ Lotus ในปี 2563
สภาพคล่องของ CP ALL ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง รวมถึงความสามารถในการออกหุ้นกู้ในตลาดตราสารหนี้ CP ALL มีหนี้สินที่มีดอกเบี้ยประมาณ 2.7 แสนล้านบาท (รวมหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนจำนวน 2 หมื่นล้านบาท) ณ สิ้นเดือนมิถุนายนปี 2564 ประมาณร้อยละ 93 ของหนี้สินทั้งหมดของ CP ALL เป็นหุ้นกู้สกุลเงินบาท โดยร้อยละ 19 ของจำนวนนี้เป็นหุ้นกู้มีหลักประกันเป็นหุ้นของ Makro
ลักษณะธุรกิจ
CP ALL เป็นผู้บริหารร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านสะดวกซื้อที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย CP ALL ยังถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 93 ใน Makro ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจค้าส่งสมัยใหม่ประเภทอาหาร (Modern-Trade Food Wholesale) ในประเทศไทย ในปี 2563 CP ALL ได้เข้าซื้อกิจการและมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 40 ในธุรกิจร้าน Lotus ในประทศไทยและประเทศมาเลเซีย
รายการอันดับเครดิตทั้งหมดของ CP ALL มีดังนี้
คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) ที่ ‘A- (tha)’ ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ จากมีเสถียรภาพ
คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-term Rating) ที่ ‘F2(tha)’
คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้มีประกันของบริษัทฯ ที่ ‘A- (tha)’
คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัทฯ ที่ ‘A- (tha)’
คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนของบริษัทฯ ที่ ‘BBB(tha)’
ติดต่อ:
Primary Analyst
สมฤดี ไชยวรรัตน์
Director
+66 2108 0160
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ชั้น 17, เลขที่ 57 อาคารปาร์คเวนเชอร์, ถนนวิทยุ, แขวงลุมพินี, เขตปทุมวัน
กรุงเทพฯ 10330
Secondary Analyst
ณิชยา สีมานนทปริญญา
Director
+66 2108 0161
Committee Chairperson
Hasira De Silva, CFA
Senior Director
+65 6796 7240
ข้อมูลเพิ่มเติมหาได้ที่ www.fitchratings.com
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ