- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Sunday, 05 September 2021 22:26
- Hits: 19430
ทริสเรทติ้ง ลดอันดับเครดิตองค์กร ‘บ.ไมด้า ลิสซิ่ง’ เป็น ‘BB’ จาก ‘BB+’ แนวโน้ม ‘Negative’
ทริสเรทติ้ง ลดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ไมด้า ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) เป็น ‘BB’ จากระดับ ‘BB+’ และคงแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Negative’ หรือ ‘ลบ’ การลดอันดับเครดิตเป็นไปตามการลดอันดับเครดิตของ บริษัท ไมด้า แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) (ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ ‘BB’ ด้วยแนวโน้ม ‘Negative’ หรือ ‘ลบ’ จากทริสเรทติ้ง) อันดับเครดิตของบริษัทถูกจำกัดโดยอันดับเครดิตของบริษัทไมด้า แอสเซ็ท ซึ่งสะท้อนคุณภาพเครดิต
โดยรวมของกลุ่มไมด้า ทริสเรทติ้ง ประเมินสถานะของบริษัทเป็นบริษัทลูกเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทไมด้า แอสเซ็ท สำหรับแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Negative’ หรือ ‘ลบ’ นั้น เป็นไปตามแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทไมด้า แอสเซ็ท ซึ่งสะท้อนความเสี่ยงในการกู้ยืมใหม่เพื่อชำระหนี้เดิมของกลุ่มบริษัทในระยะปานกลางจากการกระจุกตัวของภาระหนี้
อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทอยู่ในระดับ ‘bbb-‘ ได้พิจารณารวมถึงสถานะฐานทุนที่แข็งแกร่งและความสามารถในการทำกำไรที่มีเสถียรภาพของบริษัท อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากสถานะทางการธุรกิจและภาพรวมของแหล่งเงินทุนในระดับปานกลาง
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
สถานะในการเป็นบริษัทลูกเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทไมด้า แอสเซ็ท
อันดับเครดิตของบริษัทถูกจำกัดโดยอันดับเครดิตของบริษัทไมด้า แอสเซ็ท ซึ่งเป็นไปตาม ‘เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ” ของทริสเรทติ้ง โดยอันดับเครดิตของกลุ่มอยู่ที่ ‘bb’ ซึ่งต่ำกว่าอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทที่ ‘bbb-‘ บริษัทไมด้า แอสเซ็ทถือหุ้น 46.98% ในบริษัท โดยมีการควบคุมการดำเนินกิจการของบริษัทโดยตรงผ่านการแต่งตั้งคณะกรรมการของบริษัท ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากทีมผู้บริหารของบริษัทไมด้า แอสเซ็ท
การบริหารจัดการด้านเงินทุนของทั้งสองบริษัทนั้นมีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด โดยมีหลักฐานการช่วยเหลือทางการเงินระหว่างกันตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เช่น มีเงินกู้ระหว่างกันซึ่งบริษัทเป็นผู้ให้เงินกู้แก่บริษัทไมด้า แอสเซ็ท และการใช้สินทรัพย์ถาวรของบริษัทไมด้า แอสเซ็ทเป็นหลักประกันในการขอวงเงินกู้ยืมของบริษัทจากธนาคาร
ในภาพรวมของกลุ่มบริษัทนั้น บริษัทเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มกลยุทธ์การกระจายตัวของธุรกิจในกลุ่ม ธุรกิจลิสซิ่งของบริษัทที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพได้มีส่วนช่วยสนับสนุนผลประกอบการโดยรวมของกลุ่มในระดับหนึ่งจากวัฏจักรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทและได้รับผลกระทบรุนแรงจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ตั้งแต่ปี 2563 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 บริษัทมีสัดส่วนสินทรัพย์ ส่วนของผู้ถือหุ้น และรายได้รวมต่องบการเงินรวมของบริษัทไมด้า แอสเซ็ทที่ระดับ 38%, 54%, และ 29% ตามลำดับ
ฐานทุนที่แข็งแรงและระดับหนี้ที่ต่ำ
ทริสเรทติ้ง ประเมินระดับฐานทุนของบริษัทอยู่ในระดับที่แข็งแรงมาก ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 49.9% เทียบกับระดับ 52.3% ณ สิ้นปี 2563 ทั้งนี้ ระดับฐานทุนของบริษัทมีความแข็งแกร่งกว่าผู้ประกอบการรายอื่นและอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับคุณภาพความเสี่ยงด้านเครดิตของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ใช้แล้วของบริษัท
ในขณะเดียวกัน ระดับการก่อหนี้ของบริษัทก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อพิจารณาจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ระดับ 1.05 เท่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจาก 1.08 เท่า ณ สิ้นปี 2563 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 3 เท่าตามเงื่อนไขในข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้ โครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งของบริษัทพิสูจน์ได้จากการดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนในระดับประมาณ 1 เท่าตลอดช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ทริสเรทติ้ง คาดว่า บริษัทจะสามารถรักษาฐานทุนที่แข็งแกร่งซึ่งประเมินจากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงในระดับประมาณ 50% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
สถานะทางการตลาดอยู่ในระดับปานกลาง
อันดับเครดิตของบริษัทมีข้อจำกัดจากการมีสถานะทางการตลาดที่อยู่ในระดับปานกลาง ทั้งนี้ บริษัทให้สินเชื่อในตลาดเฉพาะกลุ่มซึ่งเน้นไปที่ตลาดรถกระบะใช้แล้ว สินเชื่อส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กโดยอยู่ในช่วง 50,000-300,000 บาทต่อสัญญา บริษัทมีสินเชื่อรวมคงค้างที่ค่อนข้างคงที่ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 สินเชื่อเช่าซื้อคงค้างของบริษัทมีจำนวน 2.8 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 4% เทียบกับสิ้นปี 2563 จากการมีนโยบายการพิจารณาสินเชื่อใหม่ที่เข้มงวดมากขึ้นท่ามกลางเศรษฐกิจที่อ่อนแอและเงินทุนที่จำกัด ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะค่อยๆ ขยายสินเชื่อด้วยสินเชื่อเช่าซื้อใหม่ที่ประมาณ 1.1 พันล้านบาทในปี 2564 เทียบกับประมาน 1.3 พันล้านบาทต่อปีในอดีต
กำไรที่มีเสถียรภาพ
บริษัทดำรงสถานะกำไรสุทธิอย่างมีเสถียรภาพที่ระดับประมาณ 100 ล้านบาทต่อปีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยผลประกอบการของบริษัทอยู่เหนือกว่าการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งด้วยกำไรสุทธิที่ 99 ล้านบาทในปี 2563 และ 74 ล้านบาทสำหรับครึ่งแรกของปี 2564 การปรับตัวเพิ่มขึ้น 168% ของกำไรสุทธิในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมานั้น เป็นผลจากการที่ค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองและขาดทุนจากการจำหน่ายรถยึดลดลง ความสามารถในการสร้างกำไรของบริษัทนั้นพิจารณาจากอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เสี่ยงถัวเฉลี่ย ซึ่งอยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับคู่แข่งโดยอยู่ที่ประมาณ 3.5% ในปี 2561-2563 อัตราส่วนดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.8% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564
ทริสเรทติ้ง คาดว่า บริษัทจะควบคุมอัตราส่วนดังกล่าวให้อยู่ในระดับสูงกว่า 3.5% ใน 3 ปีข้างหน้า โดยอยู่บนสมมติฐานที่บริษัทจะมีสินเชื่อคงค้างในระดับประมาณ 3.3-3.5 พันล้านบาทในปี 2564-2566 และ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมอยู่ที่ระดับประมาณ 50% ทริสเรทติ้งยังคาดการณ์ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของบริษัทที่จะอยู่ที่ระดับประมาณ 8% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของบริษัทปรับลดลงเหลือ 8.8% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 จากระดับ 9.7% ในปี 2562 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการมีสัดส่วนเงินให้กู้ยืมแก่บริษัทไมด้า แอสเซ็ทที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น
คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้
คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อซึ่งส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของการเติบโตของสินเชื่อมาตั้งแต่ปี 2562 ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในส่วนธุรกิจเช่าซื้ออยู่ที่ 5.5% ปรับลดลงจาก 6.2% และ 6.5% ณ สิ้นปี 2563 และ 2562 ตามลำดับ ถึงแม้ว่าจะยังคงมีความกังวลต่อความเสี่ยงด้านเครดิตเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ยังคงยืดเยื้อ บริษัทยังสามารถรักษาอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เกิดขึ้นใหม่ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 2% ได้ในช่วงที่ผ่านมา ด้วยการพิจารณาอนุมัติสินเชื่ออย่างระมัดระวังของบริษัท
ทริสเรทติ้ง คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาระดับอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 6% ใน 2-3 ปีข้างหน้า
การปรับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ (TFRS9) ตั้งแต่ต้นปี 2563 ส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อบริษัท ด้วยการที่บริษัทมีสำรองส่วนเกินที่ 22.3 ล้านบาท ทำให้บริษัทไม่ต้องตั้งสำรองเพิ่มเติมจากการปรับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ ในปี 2563 อัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อถัวเฉลี่ยยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับในอดีต ในครึ่งแรกของปี 2564 อัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อถัวเฉลี่ยซึ่งปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีแล้วอยู่ที่ 0.9%
โดยลดลงจาก 2.1% ในปี 2563 และค่าเฉลี่ยในอดีตที่ประมาน 2% ต่อปี จากสมมติฐานอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ทริสเรทติ้งประมาณการอัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อถัวเฉลี่ยของบริษัทที่ 2% ต่อปี ในปี 2564-2566
ยังคงมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง
แม้สภาวะของตลาดตราสารหนี้จะกลับมาสู่ปกติหลังจากมีความผิดปกติในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2563 ทริสเรทติ้งยังคงให้ความระมัดระวังต่อความเสี่ยงในการกู้ยืมใหม่เพื่อชำระหนี้เดิมของบริษัทและบริษัทไมด้า แอสเซ็ท เนื่องจากการกระจุกตัวของหนี้ที่จะถึงกำหนดต้องชำระคืน อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่า บริษัทจะสามารถกู้ยืมใหม่เพื่อชำระหนี้เดิมได้ตลอดช่วงระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า โดยบริษัทมีหนี้ที่ครบกำหนดชำระ 700 ล้านบาท ในเดือนพฤศจิกายน 2564 และ 450 ล้านบาท ในเดือนเมษายน 2565 บริษัทมีแผนในการกู้ยืมใหม่เพื่อชำระหนี้เดิม
โดยการกู้ยืมจากสถาบันการเงินและการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ โดยเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินนั้นจะใช้สินทรัพย์ถาวรของบริษัทไมด้า แอสเซ็ท และพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อเช่าซื้อของบริษัทเป็นหลักประกัน นอกจากนี้ จากการประมาณการของบริษัท กระแสเงินสดรับจากการชำระเงินค่างวดของลูกหนี้นั้น คาดว่า จะอยู่ที่ประมาณ 960 ล้านบาทในช่วงเดือนสิงหาคม 2564 ถึงเดือนมีนาคม 2565 จะเป็นแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมที่ช่วยลดทอนความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของบริษัท
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งสำหรับช่วงระยะเวลาในปี 2564-2566 มีดังนี้
- สินเชื่อใหม่จะหดตัวลงในปี 2564 และหลังจากนั้นจะขยายตัวที่ระดับ 5%-10% ต่อปี
- ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับ 8%
- ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อถัวเฉลี่ยจะอยู่ในช่วง 1.5%-2%
- อัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงจะอยู่ในระดับประมาณ 50%
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้รวมจะอยู่ที่ระดับประมาณ 50%
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Negative’ หรือ ‘ลบ’ ของบริษัทเป็นไปตามแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทแม่ คือบริษัทไมด้า แอสเซ็ท
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามการเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตของบริษัทไมด้า แอสเซ็ท
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564 - เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร, 17 กุมภาพันธ์ 2563 |
บริษัท ไมด้า ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (ML)
อันดับเครดิตองค์กร: |
BB |
แนวโน้มอันดับเครดิต: |
Negative |
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
© บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง
ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ