- Details
- Category: บล.
- Published: Friday, 13 January 2017 11:02
- Hits: 5790
บล.แอพเพิล เวลธ์ มอง SET Index เดือนม.ค. หากยืน 1,550 จุด ทิศทางยังบวก
บล.แอพเพิล เวลธ์ มองแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยเดือนม.ค.60 หากดัชนียืน 1,550 จุดได้ ทิศดัชนีโอกาส Sideway Up ขึ้นไปที่ 1,580-1,600 ได้ หลังจากดัชนี PMI ภาคการผลิตทั่วโลกฟื้นตัว ,ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น , แรงกดดันดอกเบี้ยสหรัฐลดลง แนะช้อปหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ภาครัฐ กลุ่มรับเหมา ชู (CK, STEC,UNIQ) กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ยกนิ้วให้ (PTT,PTTEP, IRPC, IVL)
นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนมกราคม 2560 ยังฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากทิศทางภาคการผลิตทั่วโลกเริ่มฟื้นตัว , ทิศทางราคาน้ำมันยังทรงตัวระดับสูงหลังจาก Opec เริ่มทยอยลดกำลังการผลิต ขณะที่ผลการประชุม FOMC ธ.ค. ที่ผ่านมา คณะกรรมการ FOMC ยังให้น้ำหนักทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐและคาดเศรษฐกิจสหรัฐยังฟื้นตัวได้ดี ส่งผลให้แรงกดดันประเด็นเงินทุนไหลออกเริ่มลดลง และทิศทางค่าเงินสกุลเอเชียเริ่มแข็งค่าขึ้น เม็ดเงินต่างชาติเริ่มไหลเข้าซื้อหุ้น Market Cap.ใหญ่ เช่น ธนาคารพาณิชย์ ,พลังงาน และสื่อสาร
สำหรับ กลยุทธ์การลงทุนในเดือนม.ค. 60 ประเมินทิศทางดัชนีมีโอกาส Sideway Up ขึ้นทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,580 – 1,600 จุด โดยได้แรงหนุนจากแรงซื้อของต่างชาติและสถาบัน อย่างไรก็ตามระยะสั้นหากดัชนีปรับตัวขึ้นใกล้บริเวณ 1,600 จุด น่าจะมีแรงขายจากกองทุน LTF ที่กำหนดขายได้ปีนี้จำนวนราว 4.5 หมื่น ลบ. ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำซื้อลงทุนหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK , STEC , UNIQ) จากแนวโน้มธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้างปี 2560 เติบโตต่อเนื่อง โดยได้แรงผลักดันจากเม็ดเงินลงทุนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ (เมกะโปรเจ็กต์) จากโครงการประมูลรถไฟทางคู่, รถไฟฟ้า รวมถีงโครงการมอเตอร์เวย์สายต่าง ๆ
และแนะนำซื้อลงทุนกลุ่มพลังงานและปิโตรเครมี (PTT,PTTEP, IRPC,IVL) เนื่องจากคาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จะทยอยฟื้นตัวต่อเนือง จากการคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันของโลกของ IEA ที่ขยายตัวต่อเนื่องอยู่ที่ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงได้รับแรงหนุนจากความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตกลุ่มโอเปกที่จะปรับลดปริมาณการผลิตลง 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันเหลือ 32.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยคาดกำลังการผลิตที่ลดลงจะช่วยให้ตลาดเข้าสู่สมดุลเร็วขึ้น ในช่วงครึ่งแรกของปี 2560