- Details
- Category: บล.
- Published: Wednesday, 07 September 2016 11:03
- Hits: 2289
'โกลเบล็ก' มองหุ้นบวกตามแรงคาด FED จะชะลอขึ้นดอกเบี้ย ให้กรอบ ดัชนี 1,470-1,520 จุด เก็ง BANPU อานิสงส์ราคาถ่านหินแตะ 69.9 ดอลลาร์/ตัน และให้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน BPP
บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยได้แรงบวก คาดการณ์ FED จะชะลอขึ้นดอกเบี้ย หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรโตต่ำกว่าคาด ให้กรอบดัชนี 1,470-1,520 จุด แนะซื้อสะสมหุ้นBANPU อานิสงส์ราคาถ่านหินดีดตัวแตะ 69.9 ดอลลาร์/ตัน และให้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน BPP จ่อขึ้น XB วันที่ 8 กันยายนนี้ และหุ้นที่ทาง FTSE:Rebalance เพิ่มน้ำหนักการลงทุน กลุ่ม Large Cap เพิ่ม KBANK-SCC กลุ่มMid Cap เพิ่ม BEM และกลุ่ม Small Cap เพิ่ม GPSC-VIBHA-IMPACT ด้านราคาทองคำมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยมีแนวรับ 1 ,325-1,320 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,355-1,360 เหรียญต่อทรอยออนซ์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินตลาดหุ้นว่า ยังคง ให้ความสำคัญกับการคาดการณ์ FED ที่มีแนวโน้มว่า จะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ หลังสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9% รวมทั้งดัชนี ภาคบริการในเดือนส.ค.มีการขยายตัวต่ำที่สุดในรอบกว่า 6 ปีและต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์โดยอยู่ที่ระดับ 51.4 ลดลงจากระดับ 55.5 ในเดือนก.ค.
ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันขยับขึ้นหลังมีข่าวว่าซาอุฯและรัสเซียจับมือร่วมกันรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน ท่ามกลางภาวะตลาดที่มีความผันผวน ทั้งนี้การประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะมีขึ้นในวันที่ 26 – 28 ก.ย. และนักลงทุนต่างชาติ ยังคง Net Buy ตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน ประมาณ 3 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องกังวลกับตัวเลข ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของไทยเดือนสิงหาคม 2559 ปรับลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อน จากระดับ 49.4 มาอยู่ที่ระดับ 47.8 ซึ่งเป็นการปรับลดความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในเกือบทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันรัฐบาลอังกฤษจะกำหนดแผนการดำเนินการในสัปดาห์นี้ เรื่องการเตรียมการออกจากการเป็นประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ( EU)
นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตา การประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 8 กันยายนนี้ซึ่งตลาดคาดหวังว่าจะขยาย QE ที่จะหมดอายุในเดือนมี.ค. 2560 และในช่วงเช้าของวันเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือBeige Book และในวันที่ 14 ก.ย.มีประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งตลาดคาดว่ากนง.น่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่าภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้รับปัจจัยบวกจากคาดการณ์ FED จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด และดัชนีภาคบริการที่ชะลอตัว แต่ทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงราว 0.6% อาจจะเป็นลบต่อกระแส Fund Flow ประกอบกับสัญญาณทางเทคนิคที่ทิ้งตัวลงแรงเป็นแรงกดดันต่อภาวะตลาด
ดังนั้น ประเมินว่า SET แกว่งตัวในกรอบ 1,470-1,520 จุด ทั้งนี้แนะนำรอซื้อสะสมช่วงอ่อนตัวแบบ Selective Buy ได้แก่ หุ้น BANPU จากราคาถ่านหินดีดตัวขึ้นล่าสุด 69.9 ดอลลาร์/ตัน และยังให้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน BPP ช่วง 18-25 หุ้น BANPU ต่อ 1หุ้น BPP ขึ้น XB วันที่ 8 กันยายนนี้
นอกจากนี้ ทาง FTSE : Rebalance Large Cap เพิ่ม KBANK, SCC ส่วน Mid Cap เพิ่ม BEM และ Small Cap เพิ่ม GPSC, VIBHA, IMPACT แต่ถอด THRE โดยมีผล 16 กันยายนนี้
สำหรับ นักลงทุนที่สนใจลงทุนหลักทรัพย์ในตลาด MAI สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน Company Snapshot ที่ www.ryt 9. com/snapshot และ www.thailistedcompany.com/
สำหรับ แนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9% ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.8% ส่งผลให้ตลาดลดการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินช่วงวันที่ 20-21 ก.ย.นี้
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนเนื่องจากนักลงทุนรู้สึกผิดหวังต่อถ้อยแถลงของนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งไม่ได้ให้รายละเอียดมากนักเกี่ยวกับการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินในการประชุม BOJ ในวันที่ 20-21 ก.ย.ส่งผลให้นักลงทุนหันมาซื้อเยนเพื่อลดความเสี่ยงเนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
สำหรับ แนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิคมองว่ามีการฟื้นตัวขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน ด้วยแท่งเทียนสัญญาณบวกลักษณะ Tower Bottom ค่าสัญญาณทางเทคนิคที่ปรับขึ้น ทำให้ราคาแนวโน้มสร้างฐานแนวรับ Double Bottom และสร้างแรงหนุนให้ราคาปรับตัวขึ้นต่อ โดยมีแนวรับ 1,325-1,320 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,355-1,360 เหรียญต่อทรอยออนซ์