- Details
- Category: บล.
- Published: Sunday, 17 July 2016 14:36
- Hits: 1938
บล.ไทยพาณิชย์ ชี้แนวโน้มตลาดหุ้นไทยดีขึ้นต่อเนื่องช่วงครึ่งหลังปี 59 คาดดัชนีทะยาน 1550-1600 จุด แนะลงทุนหุ้นเติบโตจากอุปสงค์ในประเทศ
บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) ประเมินช่วงครึ่งหลังปี 2559 SET มีแนวโน้มขาขึ้น ประเมินดัชนีขยับขึ้นแตะระดับ 1550 -1600 จุด รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นจริง โดยเฉพาะแนวโน้มการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนที่เร่งตัวขึ้น ด้วยปัจจัยหนุนจากรายได้เกษตรกรที่แข็งแกร่งมากขึ้น ชี้ปัจจัยต่างประเทศยังเป็นความเสี่ยงหลัก ของตลาดหุ้นส่งผลให้ตลาดมีการเคลื่อนไหวแบบ Sideways ต่อเนื่อง เผยตลาดหุ้นไทยไม่ถูกอีกต่อไป ซื้อขายที่ระดับพรีเมียม PE 12 เดือนข้างหน้าแกว่งตัวที่ประมาณ 14.5 เท่า พร้อมแนะนำหุ้น Top picks ไตรมาส3/2559 อ้างอิงการเติบโตของอุปสงค์ในประเทศ
นายอิสระ อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ (SCBS) กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น (upside) ได้ในระดับที่น่าพอใจ โดยคาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET INDEX) จะปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 1550 -1600 จุด ซึ่งปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้มาจากการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในช่วงไตรมาสแรกที่สูงกว่าคาด และเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอนาคต ขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐจะช่วยกระตุ้นแรงส่งทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มจะเร่งตัวขึ้นเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรายได้เกษตรกรที่ฟื้นตัวทั้งจากคุณภาพผลผลิตและราคาที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามแม้ดัชนีจะปรับตัวดีขึ้นแต่การเคลื่อนไหวของตลาดยังเป็นแบบ Sideways ต่อเนื่องจากช่วงครึ่งแรกของปี เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศที่ยังคงอยู่โดยเฉพาะความไม่แน่นอนจากกลุ่มยูโรโซน ตลอดจนตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน
“ผลการลงประชามติให้ประเทศอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท) เป็นการส่งสัญญาณถึงแรงกดดันระยะยาวต่อการค้าทั่วโลก เนื่องจากการค้าทั่วโลกอาจจะต้องเผชิญกับแรงกดดันจากความเป็นชาตินิยม อนุรักษ์นิยม และการกีดกันทางการค้ามากขึ้น อีกทั้งมีสัญญาณว่าประเทศสมาชิกอื่นๆ ของสหภาพยุโรป (อียู) กำลังเริ่มคิดที่จะทำประชามติถอนตัวออกจากอียูเช่นกัน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับนักลงทุนในระยะต่อไป ดังนั้นแล้วตลาดหุ้นไทยจะต้องโฟกัสที่อุปสงค์ภายในประเทศเป็นหลัก แม้ว่าจะไม่สามารถชดเชยกับการส่งออกที่ลดลง แต่เป็นปัจจัยกระตุ้นการเติบโตเพียงอย่างเดียวที่จะสามารถรับมือกับสถานการณ์ความวุ่นวายทั่วโลก อีกทั้งในขณะนี้มีสัญญาณที่รายได้ภาคเกษตรกรจะฟื้นตัวส่งผลต่อกำลังซื้อของครัวเรือนในอนาคต”
นายอิสระ กล่าวด้วยว่า ตลาดหลักทรัพย์ไทยจะยังคงซื้อขายหุ้นที่ระดับพรีเมี่ยมต่อไป เนื่องด้วย SET เป็นตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีเป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาค และมีอัตราส่วนราคาต่อกำไร (PE) ในระยะ 12 เดือนข้างหน้าแกว่งตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 14.5 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ย 10ปี นอกจากนี้กำไรที่ลดลงมากในปีที่ผ่านมาสร้างฐานที่ต่ำ ซึ่งจะช่วยให้กำไรเติบโตขึ้นอย่างมากในปี 2559 และปี 2560 โดยจะทำให้อัตราส่วน PE ต่ออัตราการเติบโตของกำไรของ SET น่าดึงดูดในเชิงเปรียบเทียบมากกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค ประกอบกับการเติบโตด้วยอุปสงค์ภายในประเทศจะทำให้เศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพที่แข็งแกร่งขึ้น รับมือจากสถานการณ์ความวุ่นวายทั่วโลกได้ดี ดังนั้นนักลงทุนต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นไทยไม่ได้ถูกอีกต่อไป
สำหรับหุ้น Top Picks ประจำไตรมาส 3/2559 แนะนำหุ้นที่อ้างอิงการเติบโตของอุปสงค์ในประเทศ โดยได้รับปัจจัยกระตุ้นจากรายได้เกษตรกรที่ดีขึ้น การเติบโตของค่าจ้าง และการเคลื่อนย้ายกำลังแรงงานมายังกลุ่มที่จ่ายค่าจ้างสูงขึ้น ประกอบด้วย
บมจ. อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS) สินเชื่อจะเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 7% ในปี 2558 สู่ 8% ในปี 2559 และ 10% ในปี 2560 ต้นทุนเงินทุนจะลดลงเพราะได้รับการปรับอันดับความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น ดังนั้นตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากบริษัทย่อยใน CLMV สู่ 10% ภายในปี 2563
บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL) หุ้น laggard play ในกลุ่มพาณิชย์ ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย รายได้เกษตรกรที่ดีขึ้น และการแข่งขันกีฬาระดับโลก คาดกำไรเติบโต 20% ในปี 2559
บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ราคาหุ้นที่ปรับลดลงในระยะหลังนี้เปิดโอกาสให้เข้าซื้อ ตลาดกังวลเกี่ยวกับเบร็กซิท และต้นทุนอาหารสัตว์สูงขึ้น (เก็บสต็อกล่วงหน้า 6 เดือน) มากเกินไป
บมจ. สยามโกบอลเอาส์ (GLOBAL) จะรายงานกำไรเติบโตสูงสุดในกลุ่มพาณิชย์ในปี 2559 และปี 2560 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายและแนวโน้มรายได้เกษตรกรที่ดีขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นสู่ 18.6%
บมจ. ซี.พี.เอส. แมชีน กรุ๊ป โฮลดิ้ง (PCSGH) อุปสงค์รถยนต์ในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นบ่งชี้ว่าตลาดรถยนต์ในประเทศอยู่ในช่วงปลายของขาลงแล้ว ความเสี่ยง/ผลตอบแทนดูน่าสนใจด้วย upside 32% สู่ราคาเป้าหมาย และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล 5 - 6% ในปี 2559 - 2560
บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี (SAT) วัฏจักรขาขึ้นของอุปสงค์รถยนต์ในประเทศส่งสัญญาณว่าการผลิตรถยนต์จะเติบโต 7% และกำไรจะเติบโต 27% ในปี 2560 ราคาหุ้นปัจจุบันให้ upside 36% สู่ราคาเป้าหมายกลางปี 2560 และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล 5%
SCBS sees SET climbing to 1550-1600 in 2nd half of 2016
SCB Securities (SCBS) is still bullish about the Stock Exchange of Thailand's outlook for the second half of 2016, forecasting that the SET composite index will continue rallying to hover around 1550-1600 points, driven by a robust recovery of the domestic economy, particularly accelerated private consumption due to increased incomes earned by farmers.
SCBS Senior Vice President of the Investment Strategy Department of the Research Group, Mr. Isara Ordeedolchest, said that the Thai stock market is likely to move upside to a satisfactory level in the second half of this year, with the SET index expected to climb to a range of 1550-1600 points. Higher-than-expected gross domestic product (GDP) growth in the first quarter of 2016 is a good signal and a significant factor for the direction of market movement for the rest of the year. Robust tourism revenue, increased state investment, and accelerated private consumption upon the recovery of farm incomes as a result of higher output quality and prices will help propel steady economic growth.
However, the market will remain volatile, moving sideways from the first half of this year due to external risk factors, particularly eurozone uncertainties and the wavering recovery of the global financial market and economy.
“The United Kingdom's decision to leave the European Union (Brexit) signals long-term pressure on worldwide trade because global trade may face more obstacles in the form of nationalism, conservatism, and trade barriers. It may also pave the way for other EU members to ponder referendums similar to that of UK, which is considered a risk factor for investors in the near future. The Thai stock market must count mainly on domestic demand for continued pick-up. Although increased demand is insufficient to offset the export shortfall, it is the single driving factor enabling the market to weather global economic storms. Simultaneously, the recovery of farm incomes will help boost the purchasing power of households in the future,” he said.
Mr. Isara projected that stock trading on the SET will continue at premium prices because the market offers top-notch sound investment returns in the region. Its P/E ratio in the 12 months ahead will hover at around 14.5 times, higher than the 10-year average. In addition, from the low base due to a significant decline in earnings last year it is forecast profits gained by listed companies will grow considerably in 2016 and 2017. Because of this, the SET’s price earnings to growth (PEG) will be more attractive than other markets in the region. Local demand growth will boost the stability of the Thai economy amidst global economic volatility. Investors must concede that the Thai stock market is no longer cheap.
Top picks recommended by the company in the third quarter of 2016 are domestic play stocks benefiting from higher incomes earned by farmers, wage increases, and the shift in labor into the higher-wage payment group. They include:
· AEON Thana Sinsap (Thailand) (AEONTS): Loans are expected to grow from 7% in 2015 to 8% in 2016, and 10% in 2017. Financial costs are set to decline because the company's credit rating was upgraded. The firm targets increasing the revenue portion from its subsidiaries in CLMV (Cambodia, Laos, Myanmar, and Vietnam) to 10% by 2020.
· CP ALL (CPALL): A laggard play in the commerce segment despite the fact that the company has benefited from the stimulus package, higher incomes earned by farmers, and the world-class sports competitions. It is expected the company's profit will grow 20% in 2016.
· Charoen Pokphand Foods (CPF): The recent stock price decline upon market panic about Brexit and the higher cost of animal feeds (stock is kept 6 months ahead) provides buying opportunities.
· Siam Global House (GLOBAL): The company is expected to enjoy the highest profit growth in the commerce segment in 2016 and 2017, boosted by the stimulus package and higher incomes earned by farmers. The gross profit margin is projected to rise to 18.6%.
· P.C.S. Machine Group Holding (PCSGH): An increase in local auto demand signaled that the domestic auto market has nearly bottomed out. The stock price has a 32% upside to the target with a return on dividend of 5-6% in 2016-2017.
· Somboon Advance Technology (SAT): With the upward cycle of local auto demand, it is forecast that auto production will expand 7%, with profit growth of 27% in 2017. The current stock price has a 36% upside to the target with a return on dividend of 5% in 2017.