- Details
- Category: บล.
- Published: Tuesday, 14 June 2016 16:19
- Hits: 1420
'โกลเบล็ก'หวั่นอังกฤษถอนตัวจาก EU ให้กรอบแนวรับ 1,410-1,415 จุด-เก็งกำไรหุ้นรับเหมาประมูลรถไฟฟ้า 2 แสนลบ.
กรุงเทพฯ-บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยยังจับตาผลการจัดทำประชามติ Brexit วันที่ 23 มิ.ย.นี้ หากประชาชนอังกฤษโหวตถอนตัวออกจาก EU กระทบเศรษฐกิจยูโรโซน บวกราคาน้ำมันที่หลุด 50 ดอลลาร์/บาร์เรล จึงประเมินกรอบดัชนีแนวรับ 1,410-1,415 จุด แนะเก็งกำไรหุ้นอานิสงส์ของการประมูลโครงการใหญ่ภาครัฐมูลค่ารวมเกือบ 2 แสนล้านบาทในเดือนมิ.ย. ด้านราคาทองคำมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยมีแนวรับ 1,245-1,240 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,300-1,310 เหรียญต่อทรอยออนซ์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมระหว่างวันที่ 14-15 มิ.ย. ประกอบกับในเดือนมิ.ย. คาดว่าจะมีการเปิดประมูลโครงการใหญ่ของรัฐบาลมูลค่ารวม 2.4 แสนล้านบาท อาทิ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 สาย ได้แก่ สายสีส้ม สายสีเหลือง และสายสีชมพู เป็นต้น รวมถึงในช่วงปลายเดือนมิ.ย. มีความหวังว่าจะมีการทำ Window Dressing ปิดงบไตรมาส 2/59
อย่างไรตามก็ยังมีปัจจัยลบกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทย อาทิ ราคาน้ำมันในตลาดโลกทรุดตัวหลุดจากระดับ50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลโหวต BREXIT หากประชาชนอังกฤษถอนตัวออกจาก EU จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยูโรโซนซึ่งเป็นประเด็นที่ธนาคารกลางสหรัฐระบุว่าอาจจะมีการพิจารณาในเรื่องนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป
นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาปัจจัยที่มีผลต่อเศรษฐกิจ เช่น วันที่ 14-15 มิ.ย.มีการจัดประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) วันที่ 16 มิ.ย. ธนาคารกลางญี่ปุ่นจัดแถลงมติอัตราดอกเบี้ย และวันที่ 23 มิ.ย. เป็นวันลงประชามติของชาวอังกฤษว่าควรแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) หรือไม่ ซึ่งผลการสำรวจล่าสุดของหลายสำนักระบุว่าคะแนนที่โหวดให้ออกจาก EU มีจำนวนมากกว่าคะแนนโหวดที่จะให้อยู่ใน EU ต่อไป โดยมีชาวอังกฤษกว่า 30% จะตัดสินใจ ในสัปดาห์สุดท้ายก่อนลงประชามติ
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็กจำกัด กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ได้รับแรงกดดันจากความกังวลผล Brexit ซึ่งหากประชาชนอังกฤษโหวตถอนตัวออกจาก EU จะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของอังกฤษรวมถึงยูโรโซน ประกอบกับราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงแรงหลุด 50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน
ดังนั้น ประเมินว่า SET มีโอกาสปรับตัวลงทดสอบแนวรับ 1,410-1,415 จุด โดยแนะนำรอซื้อสะสมช่วงอ่อนตัวแบบ Selective Buy ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับอานิสงส์จากการประมูลโครงการใหญ่ภาครัฐมูลค่ารวมเกือบ 2 แสนล้านบาทในเดือนมิ.ย. รองลงมากลุ่มน้ำตาล ได้ประโยชน์จากราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับขึ้นทำ new high ล่าสุด 19.6 ดอลลาร์/ตัน รวมทั้งกลุ่มพลังงานทดแทน ที่มีกำหนดให้ยื่นซองประมูลโรงไฟฟ้าชีวมวล 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 36 เมกะวัตต์ ในวันที่ 15-30 มิ.ย และหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET 50 รอบใหม่ ได้แก่ SPRC, GPSC, KCE, SUPER และ SET 100 ได้แก่ GLOBAL, TVO, IFEC, BCH, JWD, BAY และ BIGC
สำหรับ แนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 30 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือคิดเป็น 2.41% ปิดที่ระดับ 1,273 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยราคาได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงหลังการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดที่ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังมีความแข็งแกร่งแม้ว่าตัวเลขจ้างงานจะออกมาย่ำแย่กว่าที่คาดไว้ และไม่ได้ระบุเวลาที่แน่นอนในการขึ้นดอกเบี้ยและส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้ พร้อมกับลดการคาดการณ์ถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค.สู่ระดับ 26%
ขณะที่ประธานเฟดสาขาเซนต์ หลุยส์และสาขาบอสตันได้ให้ความเห็นสอดคล้องกันว่าเฟดมีแนวโน้มที่จะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเวลานี้เช่นเดียวกัน โดยที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงแรงจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ที่ระบุว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นได้สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นสหรัฐ ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ชาวอังกฤษอาจจะลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) โดยอังกฤษจะจัดการลงประชามติในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ส่งผลให้มีเงินบางส่วนย้ายจากตลาดหุ้นเข้ามาลงทุนในทองคำเพื่อลดความเสี่ยง
ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาปรับตัวขึ้นตามกันกับแนวรับสัญญาณ GOLDEN CROSS สร้างแนวขึ้นรอบใหม่ในรูปแบบ ROUNDING BOTTOM และค่าสัญญาณทางเทคนิคที่เป็นบวก ทำให้ราคาแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นต่อตามรูปแบบ ทำให้ราคาแนวโน้มปรับขึ้นต่อ โดยมีแนวรับ 1,245 - 1,240 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,300-1,310 เหรียญต่อ
ทรอยออนซ์