- Details
- Category: บล.
- Published: Sunday, 01 May 2016 21:29
- Hits: 5685
ASN สุดฮอต! หุ้นไอพีโอ จองหมดตั้งแต่วันแรก คาดนักลงทุนพลาดหวังรอเก็บเพิ่มในกระดาน
KGI ปลื้ม! หุ้นไอพีโอ ASN สุดฮอต ยอดจองล้น ขายหุ้นเกลี้ยง 30 ล้านหุ้นตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้จอง คาดเป็นผลจากการที่ บริษัทฯ มีโครงการต่อยอดธุรกิจ E-Commerce และดิจิตอล อินชัวรันซ์ ที่โดดเด่นและมีโอกาสเติบโตสูงตาม กระแสฟินเทค (Financial Technology) ที่กำลังมาแรง ส่งผลให้มีทิศทางการเติบโตที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่นและชัดเจน รวมทั้งราคาหุ้นที่มีส่วนลดกว่า 45% ให้กับนักลงทุน ด้าน"ธวัชชัย ชีวานนท์" กรรมการผู้จัดการเชื่อ ASN ไม่ทำให้ผู้ลงทุนผิดหวัง
นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บริษัท เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASN เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เปิดขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 30 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 27-29 เมษายน 2559 ในราคาเสนอขายที่ 6 บาท/หุ้น ปรากฎว่าหุ้นของ ASN ได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาดจากนักลงทุนสามารถเสนอขายหมดตั้งแต่วันแรกที่ให้เปิดจองและยังมีความต้องการส่วนเกินอีกจำนวนมาก
"นักลงทุนให้การตอบรับหุ้นไอพีโอ ASN อย่างล้นหลาม ถือว่าประสบความสำเร็จเกินคาดในการเปิดให้จองหุ้นวันแรก ซึ่งปัจจัยหลักคาดว่ามาจากความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และโอกาสการเติบโตของธุรกิจที่บริษัทฯ อยู่ในอุตสาหกรรมประกันภัยและประกันชีวิตในประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ประการสำคัญ อยู่ในกระแสฟินเทค (Financial Technology) ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ และกำลังเข้าสู่ธุรกิจ E-Commerce และ ดิจิตอล อินชัวรันซ์ ซึ่งการพัฒนา Platform E-Commerce จะทำให้ ASN สามารถให้บริการลูกค้าได้ทุกกลุ่มและครบวงจร ถือเป็นการพลิกโฉมธุรกิจของบริษัทฯ สู่ดิจิตอล โบรกเกอร์ อย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้ ASN เติบโตอย่างโดดเด่นและยั่งยืนในระยะยาว บวกกับได้กำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอที่ 6 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาเหมาะสม มีส่วนลดให้นักลงทุนในระดับที่ดีถึง 45% คิดจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) อยู่ที่ประมาณ 31.68 เท่า เปรียบเทียบกับค่า P/E เฉลี่ยของบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai ย้อนหลัง 12 เดือน ที่อยู่ที่ 58.04 เท่า
ประการสำคัญ คาดว่า P/E ของ ASN ในปีหน้าจะเปลี่ยนไปได้อีกมาก จากการขยายธุรกิจต่อยอดธุรกิจและแนวโน้มการเติบโต จากการนำเม็ดเงินจากการขาย IPO ที่ได้รับไปใช้ใน 2โครงการหลัก คือ 1)โครงการพัฒนาระบบ E-Commerce ที่จะเป็นการต่อยอดการพัฒนา Platform ในการขายประกันออนไลน์อย่างครบวงจร สามารถเสนอบริการ One Stop Service ให้แก่ลูกค้าได้ตั้งแต่การค้นหาข้อมูลด้านประกัน การเปรียบเทียบ การสั่งซื้อ การชำระเงิน รวมไปถึงการรับกรมธรรม์ ได้อย่างเบ็ดเสร็จ โดยจะมีผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าเลือกซื้ออย่างหลากหลายและตรงตามความต้องการในราคาที่เหมาะสม โดยคาดว่าจะเปิดตัวและเริ่มให้บริการได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปีนี้ และ 2)โครงการขยาย Seat พนักงานขายทางโทรศัพท์ อีก 100 Seat ซึ่งจะทำให้รายได้จากช่องทางการขายเดิมของบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยโครงการนี้จะเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปีนี้ ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะทำให้บริษัทสามารถเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 2559 และเติบโตต่อเนื่องระยะยาว" นางสาวพัชพร กล่าว และคาดว่าหลังจากที่หุ้น ASN เข้าซื้อขายในกระดานจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากคาดว่าจะมีนักลงทุนจำนวนมากที่พลาดหวังจากการจองซื้อหุ้นไอพีโอจะเข้ามาซื้อหุ้นในกระดานแทน
นายธวัชชัย ชีวานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASN ผู้ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย ประกันรถยนต์ ประกันชีวิต และประกันสุขภาพ ระดับแนวหน้าของประเทศไทย เปิดเผยว่า หุ้นไอพีโอ ของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยมในครั้งนี้ เป็นเพราะบริษัทฯมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีทิศทางการเติบโตที่ชัดเจน บวกกับเงินที่ได้จากการระดมทุนทั้งหมดจะนำไปใช้ในการขยายธุรกิจเพื่อเข้าสู่ธุรกิจ E-Commerce และ ดิจิตอล อินชัวรันซ์ อย่างเต็มตัว รองรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิตอล ที่หันมาซื้อสินค้าและบริการผ่านอินเตอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนมากยิ่งขี้น ถือเป็นโอกาสที่บริษัทฯจะดำเนินธุรกิจเชิงรุกเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งจากตลาดที่มีมูลค่ามหาศาลนี้ตามแผนการลงทุนในการพัฒนา Platform E-Commerce และแผนการเพิ่ม Seat ของพนักงานขายทางโทรศัพท์ เพื่อให้บริการลูกค้าได้ทุกกลุ่มและให้บริการได้อย่างครบวงจร และนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเพิ่มศักยภาพการขยายธุรกิจ โดยมั่นใจว่าหลังเข้าทำการซื้อขาย ASN จะไม่ทำให้ผู้ลงทุนผิดหวัง
ทั้งนี้ บริษัท เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิตมีบริษัทประกันคู่ค้าชั้นนำกว่า 16 แห่งโดยรายได้หลักกว่าร้อย 75 มาจากนายหน้าประกันวินาศภัย โดยปัจจุบันบริษัทดำเนินการขายประกันรถยนต์ผ่านพนักงานขายทางโทรศัพท์เป็นหลัก ประกอบด้วยประกันรถยนต์ทั้งภาคบังคับและภาคสมัครใจ นอกจากนี้บริษัทยังดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันชีวิต ซึ่งดำเนินงานผ่านบริษัท เอเอสเอ็น ไลฟ์ โบรกเกอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ทั้งนี้บริษัทมีจุดแข็งในการจัดการบริหารข้อมูลด้วยระบบไอทีซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเสนอผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคอีกทั้งบริษัทมุ่งเน้นการดำเนินงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและการให้บริการที่เป็นเลิศ
ASN เคาะราคา IPO ที่หุ้นละ 6 บาท เสนอขาย 27-29 เม.ย.นี้ คาดเข้าเทรด 12 พ.ค.
บมจ.เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ (ASN) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 30 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท หรือ 23.08% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ที่ราคาหุ้นละ 6 บาท โดยจะเปิดให้จองซื้อในช่วงวันที่ 27-29 เม.ย. และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 12 พ.ค.นี้
วันนี้ ASN แต่งตั้ง บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นตัวแทนผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ร่วมกับ บล.ฟินันเซีย ไซรัส และ บล.ทรีนิตี้
นายธวัชชัย ชีวานนท์ กรรมการผู้จัดการ ASN กล่าวว่า ราคาเสนอขายหุ้น IPO ดังกล่าวเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เพราะเป็นราคาที่เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐาน พร้อมมีส่วนลดให้นักลงทุนในระดับที่ดี ขณะที่มั่นใจว่าธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตตามการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมประกันภัยและประกันชีวิตในประเทศไทย และการเติบโตของธุรกิจ E-Commerce และ ดิจิตอล อินชัวรันซ์ ซึ่งการพัฒนา Platform E-Commerce จะทำให้ ASN สามารถให้บริการลูกค้าได้ทุกกลุ่มและครบวงจร ถือเป็นการพลิกโฉมธุรกิจของบริษัทสู่ดิจิตอล โบรกเกอร์ อย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้ ASN เติบโตอย่างโดดเด่นและยั่งยืนในระยะยาว
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้เพิ่มจำนวนพนักงานขายประกันทางโทรศัพท์ (Tele sale) จำนวน 100 คน เพื่อเพิ่มพนักงานในส่วนนี้เป็น 300 คน จากปัจจุบัน 200 คน ซึ่งจะต้องใช้วงเงินราว 12 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังวางงบลงทุนไว้ที่ 75 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบซื้อขายประกันผ่านช่องทางออนไลน์ (อีคอมเมิร์ช) ภายใต้แบรนด์ใหม่ คาดว่าจะเปิดให้บริการซื้อขายได้ในช่วงปลายไตรมาส 2/59 หรือต้นไตรมาส 3/59 ซึ่งจะมีบริการเต็มรูปแบบในกลุ่มสินค้าประกันทุกประเภทขายอย่างครบถ้วนในไตรมาส 4/59
นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)กล่าวว่า ราคาที่เสนอขายหุ้น IPO ที่ 6.00 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) อยู่ที่ประมาณ 31.68 เท่า เปรียบเทียบกับค่า P/E เฉลี่ยของบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai ย้อนหลัง 12 เดือน ที่อยู่ที่ 58.04 คิดเป็นส่วนลดประมาณ 45%
ทั้งนี้ คาดว่า P/E ของ ASN ในปีหน้าจะเปลี่ยนไปได้อีกมาก จากการขยายธุรกิจต่อยอดธุรกิจและแนวโน้มการเติบโต จากการนำเม็ดเงินจากการขาย IPO ที่ได้รับไปใช้ใน 2โครงการหลัก คือ 1)โครงการพัฒนาระบบ E-Commerce ที่จะเป็นการต่อยอดการพัฒนา Platform ในการขายประกันออนไลน์อย่างครบวงจร สามารถเสนอบริการ One Stop Service ให้แก่ลูกค้าได้ตั้งแต่การค้นหาข้อมูลด้านประกัน การเปรียบเทียบ การสั่งซื้อ การชำระเงิน รวมไปถึงการรับกรมธรรม์ ได้อย่างเบ็ดเสร็จ โดยจะมีผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าเลือกซื้ออย่างหลากหลายและตรงตามความต้องการในราคาที่เหมาะสม โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/59
และ 2)โครงการขยาย Seat พนักงานขายทางโทรศัพท์ อีก 100 Seat ซึ่งจะทำให้รายได้จากช่องทางการขายเดิมของบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยโครงการนี้จะเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 2/59 ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะทำให้บริษัทสามารถเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 59 และเติบโตต่อเนื่องระยะยาว
ทั้งนี้ หากพิจารณาจากทิศทางการเติบโตที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่นจากการเข้าสู่ธุรกิจ E-Commerce และ ดิจิตอล อินชัวรันซ์ ที่สอดรับการการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิตอล ที่หันมาซื้อสินค้าและบริการผ่านอินเตอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนมากยิ่งขึ้น โดยข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ปัจจุบันธุรกิจ E-Commerce มีมูลค่าประมาณ 200,000 ล้านบาท และคาดว่าในปี 59 มูลค่าตลาด E-Commerce - B2C จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 230,000-240,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการขยายตัวประมาณ 15-20% จากปี 58 รวมถึงกระแสฟินเทค (Financial Technology) ที่กำลังมาแรงในขณะนี้
ในขณะที่พฤติกรรมการทำประกันจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ซึ่งจากผลสำรวจผู้บริโภคทั่วโลกของบริษัท Bain & Company คาดว่าผู้บริโภคจะมีการทำธุรกรรมด้านประกันผ่านระบบออนไลน์มากขึ้นจากประมาณ 35-70% ในแต่ละประเทศ เพิ่มขึ้นเป็น 79% นอกจากนี้ปัจจัยที่สำคัญคือการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมประกันภัยและประชีวิตในประเทศไทย ที่ตลาดมีค่าเบี้ยประกันรถยนต์และ ประกันชีวิตรวมกว่า 6 แสนล้านบาท โดยถือเป็นโอกาสที่บริษัทฯจะเพิ่มส่วนแบ่งจากตลาดที่มีมูลค่ามหาศาลนี้ตามแผนการลงทุนในการพัฒนา Platform E-Commerce และแผนการเพิ่ม Seat ของพนักงานขายทางโทรศัพท์
นางสาวปิ่นมณี เมฆมัณฑนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริปเปิ้ล เอ พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ASN กล่าวว่า ASN เป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับที่สูกว่า 35% ในขณะที่มี ROA และ ROE อยู่ในระดับที่โดดเด่นโดยในปี 58 ROA เท่ากับ 27.83% และ ROE 56.59% ตามลำดับ ประกอบกับฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ASN ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนจำนวน 65 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้วทั้งหมด 50 ล้านบาท มีจำนวน 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง โดยในปี 58 รายได้รวมของบริษัทและบริษัทย่อยมีทั้งสิ้น 161 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 25 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) เท่ากับ 35.9% และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) เท่ากับ 15.30% มีสินทรัพย์รวมและหนี้สินรวม 106 ล้านบาท และ 43 ล้านบาทตามลำดับ โดยมีสัดส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) อยู่ที่ 0.68 เท่า
อินโฟเควสท์
'เอเอสเอ็น โบรกเกอร์'คาดจะเข้าเทรด mai ราวQ2/59 ระดมทุนพัฒนาระบบ e-commerce
'เอเอสเอ็น โบรกเกอร์'คาดจะเข้าเทรด mai ราวQ2/59 ระดมทุนพัฒนาระบบ e-commerce ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 20-25% - เป้าเบี้ยรับประกันภัยโต 20-25%
บริษัท เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASN ให้สัมภาษณ์กลุ่ม ถึงความพร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยมีนายธวัชชัย ชีวานนท์ กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้ให้ข้อมูล สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
คาดว่าจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในช่วงไตรมาส 2/59 หลังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นับหนึ่งไฟลิ่ง ไปเมื่อวันที่ 4 เม.ย. 59 โดยเตรียมจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 30 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น 23.1% ซึ่งภายหลังจากการระดมทุนครั้งนี้กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่จะเหลือสัดส่วนการถือหุ้น 76%
วัตถุประสงค์ของการระดมทุนจะนำเงินที่ได้ไปใช้พัฒนาระบบฐานข้อมูล และระบบอีคอมเมิร์ซ โดยจะเปิดระบบซื้อขายประกันผ่านช่องทางออนไลน์เต็มรูปแบบ และใช้ลงทุนในการเพิ่มพนักงานเทเลเซลล์อีก 100 คน จากปัจจุบันที่มี 200 คน และที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนกิจการ
สำหรับ ระบบอีคอมเมิร์ซ คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงปลายไตรมาส 2/59 และจะเต็มรูปแบบในช่วงไตรมาส 4/59 ภายใต้แบรนด์ใหม่
บริษัทฯ ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับปีนี้โต 20-25% จากปีก่อนที่ทำได้ 950 ล้านบาท และคาดว่ารายได้จะเติบโต 20-25% หรือแตะ 200 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 161 ล้านบาท พร้อมกันนี้บริษัทฯ คาดว่ากำไรสุทธิจะมากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 25 ล้านบาท
สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ แบ่งเป็นประกันวินาศภัย และประกันรถยนต์ 75% ประกันชีวิต 25% อย่างไรก็ตามคาดว่า 5-10 ปีข้างหน้าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอีคอมเมิร์ซ จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากปัจจุบันที่ยังไม่มีรายได้จากอีคอมเมิร์ซ
* บริษัท เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย ประกันภัยรถยนต์ และประกันชีวิต คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ประมาณไตรมาส 2/59
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ มั่นใจขาย IPO 30 ล้านหุ้น เข้าเทรด mai ภายใน Q2/59
นายธวัชชัย ชีวานนท์ บมจ.เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ (ASN) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 30 ล้านหุ้น และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ในช่วงไตรมาส 2/59 หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัทรัพย์ (ก.ล.ต.) นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของบริษัทเมื่อในวันที่ 4 เม.ย.โดยจะกระจายหุ้นทั้งจำนวนให้กับนักลงทุนรายย่อย
สำหรับ เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้เพิ่มจำนวนพนักงานขายประกันทางโทรศัพท์ (Tele sale) จำนวน 100 คน เพื่อเพิ่มพนักงานในส่วนนี้เป็น 300 คน จากปัจจุบัน 200 คน ซึ่งจะต้องใช้วงเงินราว 12 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังวางงบลงทุนไว้ที่ 75 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบซื้อขายประกันผ่านช่องทางออนไลน์ (อีคอมเมิร์ช) ภายใต้แบรนด์ใหม่ คาดว่าจะเปิดให้บริการซื้อขายได้ในช่วงปลายไตรมาส 2/59 หรือต้นไตรมาส 3/59 ซึ่งจะมีบริการเต็มรูปแบบในกลุ่มสินค้าประกันทุกประเภทขายอย่างครบถ้วนในไตรมาส 4/59
"มองว่า หลังจากการเปิดระบบอี-คอมเมิร์ซแล้ว เราจะสามารถสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะแนวโน้มการทำธุรกรรมด้านประกันผ่านระบบออนไลน์มากขึ้นจากประมาณ 35-70% ในแต่ละประเทศ เป็น 79% นอกจากนี้ปัจจัยที่สำคัญคือการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมประกันภัยและประชีวิตในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูง โดยมีค่าเบี้ยประกันรถยนต์และ ประกันชีวิตรวมกว่า 6 แสนล้านบาท ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตให้กับบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันบริษัทยังไม่มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอีคอมเมิร์ช มีแต่รายได้จากการขายประกันผ่านเทเลเซลล์"นายธวัชชัย กล่าว
สำหรับ แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเบี้ยประกันรับรวมเติบโต 20-25% จากปีก่อนที่ 950 ล้านบาท โดยยังคงสัดส่วนประกันเป็นประกันวินาศภัย 75% และประกันชีวิต 25% ซึ่งบริษัทยังคงสัดส่วนนี้ต่อไป แม้ว่าปัจจุบันการขายประกันทั้งประกันภัยและประกันชีวิตจะถูกกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป และลูกค้าที่ซื้อประกันภัยรถยนต์เริ่มเห็นการปรับลดรูปแบบการซื้อประกันภัยจากประกันภัยรถชั้น 1 เป็นประกันภัยรถชั้น 2+ หรือประกันภัยรถชั้น 3+ ซึ่งเป็นมีค่าเบี้ยประกันถูกกว่าประกันภัยชั้น 1 ค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าเบี้ยรับประกันวินาศภัยของตลาดในปีนี้โต 2-3% ส่วนเบี้ยรับประกันชีวิตของตลาดในปีนี้โต 7-9% โดยยังมีประกันสุขภาพที่เป็นตัวหนุนหลักที่ช่วยในการเติบโต
ส่วนรายได้ของบริษัทในปีนี้ตั้งเป้าหมายเติบโต 20-25% จากปีก่อนที่ 161 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทในปีนี้แตะระดับ 200 ล้านบาท ส่วนกำไรก็คาดว่าจะเติบโตในทิศทางเดียวกับรายได้ จากปีก่อนบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 250 ล้านบาท
ทั้งนี้ หลังจากการขาย IPO แล้ว สัดส่วนของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ใน ASN จะลดลงเป็น 76% จากก่อนขาย IPO สัดส่วนกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ที่ 100% นอกจากนี้บริษัทยังมั่นใจว่าการขาย IPO และการเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ จะได้รับผลตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากเชื่อว่านักลงทุนจะมองที่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเป็นหลัก แม้ว่าภาวะตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนบ้างก็ตาม
อินโฟเควสท์