WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1อสระ อรดดลเชษฐ

บล.ไทยพาณิชย์ มองปัจจัยภายนอกกดดันหุ้นไทยยังผันผวนใน Q4/58 ขณะที่การกระตุ้นศก.ของรัฐ จะเห็นผลชัดเจนในปีหน้า

   บล. ไทยพาณิชย์ คาดตลาดหุ้นไทยผันผวน แกว่งตัวแบบไร้ทิศทางจนถึงช่วงปลายไตรมาส 4/58 ปัจจัยความไม่แน่นอนจากภายนอกประเทศสร้างแรงกดดันต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน ชี้เศรษฐกิจไทยที่มีเสถียรภาพแข็งแกร่งและมีแนวโน้มเติบโตอย่างชัดเจนในปี 59 ช่วยเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน ดันดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นตามศักยภาพที่แท้จริง พร้อมแนะนำเลือกซื้อหุ้นที่มีโอกาสเติบโตตามมาาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศและการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลังเกิดเหตุระเบิด

    นายอิสระ อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยจะแก่วงผันผวนไร้ทิศทางจนถึงปลายไตรมาส 4 ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนที่ดัชนีปรับลง 5.7% โดยตลาดต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกเนื่องจากความไม่แน่นอนหลายอย่างยังจะคงอยู่ต่อไป โดยเฉพาะความแตกต่างในการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางประเทศสำคัญๆ ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน อย่างไรก็ตามความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นตลาดหุ้นยังจะไม่ปรับสู่ขาลงระยะยาวอีกทั้งตลาดโลกยังคงเต็มไปด้วยสภาพคล่องจำนวนมาก สำหรับประเทศไทยถึงแม้ช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจจะเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ แต่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมยังแข็งแกร่งและเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยต้านทานความผันผวนในไตรมาสนี้ได้

    "ไตรมาสที่ 4 ยังเป็นช่วงเวลาที่ไม่ราบรื่นนักสำหรับการลงทุน แม้สภาพคล่องโดยรวมของตลาดจะมีมากเกินพอ แต่นักลงทุนจะใช้ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากความเสี่ยงจากทั่วโลกอยู่ในระดับสูง โดยประเมินว่านักลงทุนในตลาดหุ้นจากทั่วโลกจะนำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดที่มีปัจจัยเหล่านี้ 1. เสถียรภาพดี 2.ปัจจัยกระตุ้นในประเทศ 3.ราคาหุ้นที่สมเหตุสมผล ซึ่งตลาดหุ้นไทยเองก็ถือได้ว่ามีความน่าสนใจเช่นกัน อย่างไรก็ตามการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะมีผลกระทบจำกัดต่อตลาดหุ้นไทย และจะมีแนวโน้มที่เป็นบวกมากขึ้นในระยะกลางเมื่อสถานการณ์ต่างๆ เริ่มชัดเจน"

    นายอิสระ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2559 ปัจจัยต่างๆ ภายในประเทศจะมีความชัดเจนยิ่งขึ้นส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างจับต้องได้ โดยเฉพาะแผนการลงทุนของรัฐ อีกทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นและระยะกลางที่ประกาศออกมาในไตรมาสก่อนจะส่งผลทางบวกต่อระบบเศรษฐกิจจริง ตลอดจนการฟื้นตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยวจะช่วยสนับสนุนการอุปโภคบริโภคภายในประเทศให้ขยายตัวอย่างจับต้องได้ ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ช่วยเปิดโอกาสให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นตามศักยภาพ

      หุ้น Top Picks ในไตรมาส 4 ที่ SCBS แนะนำจะอิงกับเศรษฐกิจในประเทศที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และด้านการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวได้ ประกอบกับบมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) รายงานยอดสาขาเติบโตและเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง กำไรมีแนวโน้มปรับขึ้นได้อีกจากการขายหุ้น บมจ.สยามแม็คโคร บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) กำไรมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะสาขาทั้งหมดอยู่ในต่างจังหวัด

 บมจ.แอล. พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เป็นผู้ได้ประโยชน์รายใหญ่จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งราคาหุ้นปรับตัวลงกว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน เมื่อเทียบกับกำไรที่คาดว่าจะเติบโตสูง และรายได้มีความแน่นอนสูง

    บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการยกเลิกสัญญาและปฏิเสธสินเชื่อ อีกทั้งยังช่วยหนุนให้ประมาณการกำไรปรับขึ้นด้วย

 บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) มีสัญญาณบวกจากยอดจองห้องพักล่วงหน้าที่ฟื้นตัวดีขึ้น

    บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) วางแผนเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด โดยเฉพาะจากตลาดเติมเงินการติดตั้งเครือข่าย 3G/4G เสร็จจะส่งผลทำให้ต้นทุนลดลง และ EBITDA เพิ่มขึ้นในอนาคต

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!