WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BLSบล.บัวหลวง เล็งปรับลดเป้า SET Index-EPS Growth สะท้อนศก.โลกฟื้นช้า-ศก.ไทยชะลอ

     นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมปรับลดประมาณการณ์เป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 58 เป็นครั้งที่ 2 จากปัจจุบันคาดการณ์ไว้อยู่ที่ระดับ 1,570 จุด ซึ่งลดลงมาจากต้นปีที่เคยคาดไว้ในระดับ 1,650 จุด โดยจะมีการทบทวนเป้าหมายดังกล่าวหลังประกาศงบไตรมาส 2/58

   พร้อมกันนี้ บริษัทเตรียมปรับลดเป้าหมายอัตราการเติบโตของกำไรบริษทจดทะเบียน(EPS Growth)จากที่คาดการณ์ว่าปีนี้จะเติบโต 12% หรืออยู่ที่ 96.3 บาท/หุ้น เนื่องจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด และเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว จากภาคการส่งออกติดลบ การบริโภคที่ชะลอตัวลงและภาวะภัยแล้ง อีกทั้ง การลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ล่าช้ากว่าแผน ทำให้ภาคเอกชนยังไม่มั่นใจที่จะลงทุน จึงคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้คงขยายตัวราว 2.8% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.3%

   นายชัยพร กล่าวว่า บล.บัวหลวง มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งปีหลังนี้จะอยู่ลักษณะ downside และปริมาณการซื้อขายก็น่าจะยังปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่ลดลงมาแล้วราว 40% จากเป้าหมายทั้งปีที่คาดว่าปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันจะอยู่ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท โดยมีปัจจัยกดดันมาจากต่างประเทศเป็นหลัก ทั้งการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่คาดว่าจะมีขึ้นในปีนี้อย่างแน่นอน ซึ่งจะส่งผลให้ FunFlow ไหลกลับไปยังสหรัฐ และยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจจีน

    ส่วนปัจจัยภายในประเทศที่ยังต้องติดตามคือ การปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)โดยเฉพาะผู้ที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ภายในเร็วๆนี้หรือประมาณไม่เกินเดือน ก.ย.58 และการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คาดว่าจะสามารถทำประชามติได้ภายในเดือน ก.พ.59 ทำให้การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ในช่วงปลายปีหน้า แต่หากไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ก็จะทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป

   "เรามองว่าหุ้นอาจจะซึมลงต่อใน 6 เดือนข้างหน้า จากปัจจัยต่างประเทศที่กดดันตลาด ขณะที่ในประเทศเองก็ยังต้องรอดูปัจจัยทางการเมือง ถ้าหากออกมาดีก็อาจจะทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นทางเทคนิค แนะนักลงทุนลดสัดส่วนการถือหุ้นในพอร์ต หรือปรับนโยบายการลงทุนไปหาเซคเตอร์ที่ปลอดภัย มีผลตอบแทนที่สูง"

   สำหรับ คำแนะนำการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมองว่าหุ้นกลุ่ม ICT น่าจะมีกำไรเติบโตเฉลี่ย 9% ในปีนี้, กลุ่มประกันชีวิต ที่ผลตอบแทนของการลงทุนน่าจะดีขึ้น โดยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน(กนง.)จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 1.25% ในช่วงครึ่งปีหลัง, กลุ่มท่องเที่ยว ที่สร้างรายได้สูงถึง 10-11% ของผลผลิตมวลรวมในประเทศ(GDP) หากมีการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวก็จะได้รับผลดีต่อเนื่อง, กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่อิงกับนโยบายรัฐบาล และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่มองว่าในช่วงไตรมาส 3/58 ตัวเลขการตั้งสำรองจะปรับตัวลดลง

    นอกจากนั้น ยังมองว่าการลงทุนในกองทุน infrastructure fund ก็มี่ความน่าสนใจ เพราะให้ผลตอบแทนในระดับ 8-9%

   "นักลงทุนควรมองหาการลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง มากกว่าการมองการเติบโตของรายได้ในระดับสูง เนื่องจากบริษัทที่เข้าไปลงทุนนั้นอาจจะถูกปรับลดเป้าหมายลงได้"นายชัยพร กล่าว

      อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!