- Details
- Category: บล.
- Published: Wednesday, 13 May 2015 22:11
- Hits: 2636
บล.กสิกรไทย ตั้งเป้ากำไรปีนี้ 1 พันลบ. หวังดันมาร์เก็ตแชร์แตะ 5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 4.48%
บล.กสิกรไทย ตั้งเป้ากำไรปีนี้ 1 พันลบ. หวังดันมาร์เก็ตแชร์แตะ 5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 4.48% เพิ่มบัญชีลูกค้าใหม่อีก 1.8 หมื่นบัญชี จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.4 แสนบัญชี เล็งปรับลดกำไร บจ.หลังงบไตรมาส 1/58ออกมาหมดแล้ว คาดค่าบาทปีนี้อยู่ในระดับ 34.50 บาทต่อดอลล์ ปรับลดคาดการณ์วอลุ่มปีนี้เหลือ 4.5 หมื่นลบ.จากเดิม 4.8 หมื่นลบ. เหตุหุ้นไทยชะลอตัวช่วง Q2/58 คาดดัชนีหุ้นไทยทดสอบจุดต่ำสุดที่ 1,450 จุด ในเดือนมิ.ย.นี้ แนะลดพอร์ตเหนือระดับ 1,500 จุด
นายธิติ ตันติกุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้ากำไรสุทธิปีนี้แตะ 1,000 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 10% จากปีก่อนที่ทำได้ 900 ล้านบาท พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 5% จากปัจจุบันที่ 4.48% ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ อยู่ในลำดับ 1 ใน 3 ของบริษัทหลักทรัพย์ที่มีอันดับมาร์เก็ตแชร์สูงสุด จากปัจจุบันอยู่ในลำดับที่ 5 โดยจะใช้กลยุทธ์พัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น รวมถึงจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 2 รายการ ได้แก่ ระบบเทรดหุ้นอัตโนมัติ และการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้าเพิ่มบัญชีลูกค้าอีก 1.8 หมื่นบัญชี จากปัจจุบันที่มีอยู่ที่ 1.4 แสนบัญชี โดยเป็นบัญชีที่มีการเคลื่อนไหวสม่ำเสมอ 36% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ปัจจุบันฐานลูกค้าของบริษัทฯ เป็นนักลงทุนบุคคล 80% และสถาบัน 20% ส่วนค่าคอมมิชชั่นปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 0.18% มากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยไม่มีนโยบายจะลดระดับเนื่องจากบริษัทฯ เน้นที่คุณภาพของการให้บริการต่อลูกค้ามากกว่าการลดราคาค่าคอมมิชชั่น
ส่วนจำนวนเจ้าหน้าที่ติดต่อนักลงทุน (IC)ปัจจุบันมี 340 คน และอาจจะมีการเพิ่มขึ้นบ้างเล็กน้อยอีกราว 10 คน เป็น 350 คน ซึ่งมองว่าจากภาวะตลาดฯ ที่ยังมีความผันผวน รวมถึงปัจจุบันนักลงทุนหันไปใช้ระบบซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตมากยิ่งขึ้น คิดเป็นสัดส่วนถึง 65% ของปริมาณการซื้อขายรวม จึงทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มเจ้าหน้าที่ IC ในจำนวนมาก
ขณะที่บริษัทฯ ได้มีการปรับลดประมาณการปริมาณซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยปีนี้ เหลือ 4.5 หมื่นล้านบาทต่อวัน ใกล้เคียงกับปีก่อนจากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ระดับ 4.8 หมื่นล้านบาทต่อวัน เนื่องจากการชะลอตัวของหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 2 ขณะที่ประเมินว่าค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงไปถึง 34.50 บาทต่อดอลลาร์ในปีนี้ เป็นไปตามนโยบายทางการเงินต่าง ๆ ของภาครัฐ เพื่อช่วยกระตุ้นภาคการส่งออกให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวขึ้น เพราะประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกถึง 60% ของจีดีพี
ด้านนายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย ระบุว่าในช่วงเดือนมิ.ย.นี้ ดัชนีฯ มีโอกาสลงไปทดสอบระดับต่ำสุดที่ 1,450 จุด เป็นไปตามภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไตรมาส 1 ที่ออกมาต่ำกว่าคาด โดยแนะนำให้ทยอยลดพอร์ตหากดัชนีฯ ปรับตัวขึ้นเกิน 1,500 จุด
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะมีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตของกำไร บจ.จากเดิมที่ประเมินว่าจะเติบโต 30% จากปีก่อน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรองบการเงินไตรมาส 1 ออกมาให้ครบทุกบริษัทก่อน
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
บล.กสิกรไทยโชว์ผลประกอบการ Q1/2558 เยี่ยม กำไรพุ่ง 30% พร้อมเปิดตัว KS Kampus ปีที่ 2
บล.กสิกรไทยโชว์ผลงานไตรมาส1 กำไรสุทธิกว่า 300ล้านบาทคาดบริการใหม่KSAutomated Trading Systemและ Offshore Trading ตัวช่วยขยายฐานลูกค้าพร้อมผลัดดันโครงการ KS Kampusอย่างต่อเนื่องสู่ปีที่2 จับมือตลาดหลักทรัพย์ฯและจุฬาฯ สร้างองค์ความรู้ด้านการลงทุนให้ลูกค้าจากผู้มีชื่อเสียงชั้นแนวหน้าทั้งไทยและเทศ
นายธิติ ตันติกุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) แถลงผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2558ว่าบริษัทฯมีตัวเลขผลประกอบการเกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2558 เท่ากับ300ล้านบาทเพิ่มขึ้น 30% จากกำไรสุทธิในปี2557ที่ 900 ล้านบาท เนื่องจากช่วง 2 เดือนแรกของไตรมาสที่ 1 ตลาดอยู่ในทิศทางบวก ส่งผลให้ตัวเลขปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาดเพิ่มขึ้นกว่า 20 % เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเฉพาะปริมาณการซื้อขายจากนักลงทุนรายย่อย จากภาวะตลาดที่อยู่ในทิศทางที่ดีในช่วงไตรมาสแรกของปีส่งผลให้บริษัทฯสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในไตรมาสที่1 ปี2558 เป็นร้อยละ4.48 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ร้อยละ4.19 โดยมีจำนวนลูกค้าใหม่อยู่ที่ 6,600 คน เพิ่มขึ้นกว่า 20 % เมื่อเทียบกับจำนวนลูกค้าใหม่ในปี 2557
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าตลาดในช่วงครึ่งปีหลังอาจมีความผันผวน บริษัทจึงได้เตรียมความพร้อมให้กับนักลงทุนโดยการเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของนักลงทุนครบทุกรูปแบบ ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เช่น KS Super Stock Mobile Application ที่ช่วยให้ข้อมูลด้านการลงทุน , หุ้นกู้อนุพันธ์ , บริการนายหน้าซื้อขายสัญญาล่วงหน้าที่อ้างอิงราคาหุ้นแบบปริมาณมาก (Single Stock Futures Block-Trade) เป็นต้น ในปี 2558 นี้ บริษัทฯจะนำเสนอผลิตภัณฑ์/บริการ ใหม่ 2 รายการได้แก่ KS Automated Trading System (K-STAs) ระบบการซื้อขายหลักทรัพย์อัติโนมัติที่ซื้อขายได้ทั้งหุ้นและอนุพันธ์ เจ้าแรกในประเทศไทย และ Offshore Trading บริการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2558 บริษัทฯจะยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการลงทุน การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการเพิ่มช่องทางการลงทุนให้กับลูกค้าอย่างครบวงจรที่สุด เพื่อเป็นทางเลือกที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารพอร์ตการลงทุนให้มีผลตอบแทนที่พอใจได้ในทุกสภาวะตลาด ควบคู่ไปกับการวางกลยุทธ์รวมกันกับธนาคารกสิกรไทยเพื่อขยายฐานลูกค้าในทุกช่องทางได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ อีกหนึ่งนโยบายสำคัญที่บริษัทเน้นย้ำ คือการสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องของการลงทุนให้กับลูกค้า เพื่อเป็นการติดอาวุธก่อนเข้าสู่สนามการลงทุนได้อย่างมั่นใจ บริษัทได้สานต่อโครงการ KS Kampusสถาบันเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านการลงทุน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยในครั้งนี้ มีเป้าหมายหลักที่จะพัฒนาความรู้เรื่องการลงทุนในขั้นสูงให้กับลูกค้า พร้อมความพิเศษโดยเปิดให้นักลงทุนทั่วไปที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการได้ ด้านเนื้อหาของคอร์สการอบรม บริษัทได้ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการพัฒนาหลักสูตรพิเศษนี้ขึ้น โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มีชื่อเสียงจากทั้งในและต่างประเทศ ร่วมให้ความรู้แบ่งปันประสบการณ์ด้านการลงทุนอย่างใกล้ชิด พร้อมการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการลงทุนให้ผู้เข้าร่วมโครงการทุกคน
“สิ่งที่เราอยากเห็นจากโครงการนี้คือลูกค้าของเราทุกคน มีความพร้อมก่อนการลงทุน ทั้งการพร้อมเรื่องข้อมูลที่เพียงพอ พร้อมในด้านกระบวนการคิดวิเคราะห์ข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน และความพร้อมในการพิจารณาเลือกผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการเพื่อผลตอบแทนที่ดีที่สุด และสามารถสร้างความสุขในการลงทุนได้อย่างยั่งยืน “ นายธิติกล่าว
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) มองว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะค่อยๆปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่ถูกกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคซึ่งกระทบการส่งออกที่ติดลบอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอจากภาวะหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงขึ้นและราคาพืชผลตกต่ำ ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ ประเมินว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และงบประมาณการลงทุนของภาครัฐที่เข้าสู่ระบบมากขึ้น จะสนับสนุนให้ภาคการส่งออกและการลงทุนรวมถึงการบริโภคในประเทศจะทยอยฟื้นตัว ส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ของประเทศในปี 2558 น่าจะเติบโตได้ที่ร้อยละ 2.8
แนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่น่าจะกลับมาพร้อมกับการนับถอยหลังเข้าสู่การเลือกตั้งในช่วงต้นปีหน้าตามโรดแมปของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยประเมินดัชนีเป้าหมายที่ระดับ 1,620 จุด