- Details
- Category: บล.
- Published: Monday, 29 December 2014 19:15
- Hits: 2946
โบรกฯ ประเมินปีหน้า อสังหาฯขนาดเล็ก ควบรวมกิจการมากขึ้น เสริมความแข็งแกร่ง ต่อกรกับรายใหญ่
นักวิเคราะห์ ประเมินปี 2558 เทรนด์อสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็กควบรวมกิจการมากกว่าปีนี้ เพื่อยกระดับ และเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด โดยมีกลุ่มบริษัทรายใหญ่นอกธุรกิจอสังหาฯและบริษัทต่างชาติเข้ามาเสริมทัพเพิ่มความแข็งแกร่ง ด้านภาพรวมอสังหาฯ ปีหน้า มีแนวโน้มจะฟื้นตัวดีขึ้นจากปีนี้ ตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว แนะนำหุ้น LPN, SPALI, AP, GOLD
นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ว่า ในปี 2558 บริษัทในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มควบรวมกิจการกันมากกว่าปีนี้ โดยเฉพาะบริษัทอสังหาฯ ขนาดเล็ก ที่จะต้องปรับตัวเองเพื่อยกระดับให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เพราะส่วนแบ่งทางการตลาดสูญเสียให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ รวมถึงจะมีความเสี่ยงในเรื่องการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ที่มองว่าบริษัทขนาดเล็กมีความเสี่ยง ประกอบกับราคาที่ดินสูงขึ้นและหาได้ยาก ส่งผลให้ต้นทุนในการพัฒนาโครงการต่าง ๆ สูงตามไปด้วย
ทั้งนี้ มองแนวโน้มการแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีหน้าจะรุยแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะจากผู้ประกอบการรายใหญ่ ดังนั้นบรรดาผู้ประกอบการขนาดเล็กจึงต้องเอาตัวรอดโดยวิธีควบรวมกิจการ หรือหาพันธมิตรไม่ว่าจะเป็นบริษัทไทย หรือต่างประเทศ เพื่อเข้ามาร่วมทุน เสริมความแข็งแกร่ง โดยแนวทางที่ใช้มากที่สุดคือ การซื้อด้วยเงินสด โดยเข้ามาซื้อกิจการ หรือ เทคโอเวอร์ หรือทำโดยการแลกหุ้นกับพันธมิตรที่อยู่นอกตลาด
"บริษัทฯเล็กๆในกลุ่มอสังหามีความต้องการหาพันธมิตรมาร่วมลงทุนมากขึ้น เพราะโดนบริษัทขนาดใหญ่ กินส่วนแบ่งทางการตลาดไปหมดแล้ว จึงมีข้อเสียเปรียบในหลายๆด้าน และมีข้อสังเกตุคือจะมีกลุ่มรายใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มธุรกิจนี้เข้ามาเทคโอเวอร์ อาทิ กลุ่มสิงห์เข้ามาเทคบริษัทรสา และกลุ่มนายเจริญสิริวัฒนภักดี เข้ามามีบทบาทในธุรกิจอสังหามากขึ้น โดยเป็นทางลัดที่จะเข้ามาสู่ธุรกิจได้เร็วมากขึ้น" นายสมบัติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรวบรวมข้อมูลพบว่า ในปีนี้มีการควบรวมกิจการในกลุ่มอสังหาฯ สูงสุดถึง 120,000 ล้านบาท โดยเป็นการเข้าซื้อกิจการ (เทคโอเวอร์) 4บริษัท รวมมูลค่า 37,250 ล้านบาท ร่วมทุน 6 บริษัท รวมมูลค่า 82,750 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้า มีแนวโน้มจะฟื้นตัวดีขึ้นจากปี57 ที่มีปัจจัยลบจากสถานการณ์การเมือง ส่งผลให้ผู้ประกอบการทำยอดขายในปีนี้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะไม่มั่นใจในความต้องการในที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค จึงทำให้เปิดโครงการใหม่ได้น้อย ประกอบกับการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่ยังคงชะลอตัวจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ค่อนข้างสูง จึงกดดันภาคธุรกิจอสังหาฯในปีนี้ แม้ในช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์ต่างๆจะคลี่คลายและปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ถือว่ายังเติบโตได้ไม่มากนัก เนื่องจากประเทศไทยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว ทำให้การส่งออกในปีนี้ไม่ดี อย่างไรก็ตามปี58 ต้องหวังพึ่งพิงการใช้จ่ายภาครัฐ และโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆที่ออกมาเป็นตัวช่วยหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่มองว่าการเปิดโครงการใหม่ในปีหน้าจะเป็นส่วนช่วยสนันสนุนให้ยอดขายให้เติบโตมากขึ้น
ด้านนางสาวเติมพร ตันติวิวัฒน์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าคาดว่าจะฟื้นตัวจากปีนี้ แต่ยังคงให้น้ำหนักการลงทุน "น้อยกว่า" ตลาดโดยระดับการฟื้นตัวจะเห็นได้ชัดเจนในช่วงQ1/58 แต่อย่างไรก็ตามอยากให้นักลงทุนเตรียมรับมือกับความต้องการของผู้บริโภคที่ยังคงผันผวน
ทั้งนี้ มองว่า การควบรวมกิจการปีหน้าจะเป็นจุดแข็งที่ทำให้หุ้นกลุ่มอสังหาฯมีความน่าสนใจ ซึ่งเชื่อว่าจะมีมากกว่าปีนี้ โดยหลายบริษัทที่ควบรวมกิจการและร่วมมือเป็นพันธมิตรกันไปแล้ว ในปีหน้าจะได้เห็นโครงการต่างๆออกมาชัดเจนมายิ่งขึ้น อาทิ SIRI NPARK และ S
ด้านกลยุทธ์ในการลงทุนปีหน้า ให้นักลงทุนเน้นลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี และมีการเติบโตสม่ำเสมอ แนะนำหุ้น LPN โดยให้มูลค่าพื้นฐาน 26 บาท ,SPALI ให้มูลค่าพื้นฐาน 29 บาท ,AP ให้มูลค่าพื้นฐาน 8.20 บาท และหุ้น GOLD ให้มูลค่าพื้นฐาน 11 บาท ซึ่งในปัจจุบัน GOLD บริษัทอยู่ระหว่างการควบรวมกับ KLAND คาดว่าการทำรายการซื้อกิจการจะเสร็จภายในช่วงQ1/58 ซึ่งหลังจากนั้นจะทำให้หุ้นGOLD เติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย