- Details
- Category: บล.
- Published: Wednesday, 19 April 2023 00:31
- Hits: 2077
ตลาดหุ้นไทย ‘ตลาดหุ้นหลังเลือกตั้งจะปังมั้ย’ แนะนำหุ้น Bottom Out เป้าหมาย Fund Flow
สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (ASPS) ในกลุ่มบริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASPS ประเมินภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทยในช่วง 2Q66 แกว่งผันผวน จากผลกระทบของการปรับขึ้นดอกเบี้ยฯที่เร็วและแรงของ FED และ ECB ที่ทำให้ความเสี่ยงต่อสถาบันการเงินสหรัฐฯ ยุโรป ไม่หมดไป อีกด้านหนึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ/ยุโรปเข้าสู่ Recession แต่อย่างไรก็ตามภาพระยะสั้นบนความคาดหวังต่อการสิ้นสุดวงจรขาขึ้นดอกเบี้ยฯของ FED ขณะที่การเติบโตเศรษฐกิจภายในประเทศและกำไรบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตและความคาดหวังเชิงบวกต่อนโยบายใหม่ๆจากการเลือกตั้งเป็นปัจจัยหนุน SET Index ฟื้นกลับได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยมองเป้า SET Index ปีนี้ที่ 1610/1670 จุด
คุณเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยในช่วง 2Q66 ยังผันผวน เพราะติดอยู่กับความกังวลดอกเบี้ยฯขาขึ้น,ปัญหาระบบสถาบันการเงินและความเสี่ยงเศรษฐกิจเข้าสู่ Recession โดยวงจรความกังวลมีจุดเริ่มต้นมาจากการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ เพื่อสกัดเงิน ซึ่งในช่วง 1Q66 ที่ผ่านมาเริ่มเห็นผลกระทบมายังภาคสถาบันการเงินสหรัฐฯ (SVB) และยุโรป (Credit Suisse) เริ่มประสบปัญหาสภาพคล่องก่อนที่ FED และ SNB จะเข้าช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ในมุมฝ่ายวิจัยฯประเมินปัญหาข้างต้นมีแนวโน้มยังมีความเสี่ยงขยายวงกว้างไปยังสถาบันการเงินต่างๆ หากต้นเหตุที่แท้จริงยังไม่ได้รับการแก้ไข ขณะที่อีกด้านหนึ่งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯและยุโรปที่เข้าสู่ภาวะ Recession มากขึ้นซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นโลกและตลาดหุ้นไทยคงหลีกเลี่ยงผลกระทบได้ยาก
แต่อย่างไรตามก็ปัจจัยในประเทศที่มีน้ำหนักในทางบวกจากเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มเติบโตจากภาคการท่องเที่ยว + การลงทุน และการบริโภคครัวเรือน โดยอ้างอิงคาดการณ์ ธปท. คาด GDP Growth 66F ขยายตัว +3.6% ดีกว่า GDP โลกที่ Consensus คาดโตเฉลี่ย 2.3% อีกทั้งยังมีแรงหนุนจากกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2566 ที่ฝ่ายวิจัยฯคาดอยู่ที่ 1.12 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น EPS66F ที่ระดับ 91.8 บาท/หุ้น เติบโต 12.6%yoy เทียบกับหลายๆ ประเทศเติบโตไม่ถึง 2 หลักฯ เป็นแม่เหล็กดึงดูด Fund Flow กลับมาหาเรา รวมถึงความคาดหวังเชิงบวกต่อนโยบายใหม่ๆ จากการเลือกตั้ง หนุน SET Index ฟื้นกลับได้เป็นบางช่วงเวลาโดยกำหนดเป้าหมายดัชนีที่ 1610/1670 จุด (บนสมมติฐาน MEYG 4.0% EPS66F ที่ 91.8 บาท/หุ้น จะได้เป้าหมาย SET Index ที่ 1610 จุด อย่างไรก็ตามในภาวะที่ Fund Flow ไหลเข้าในอดีตมีหลายๆ ครั้ง MEYG ที่ต่ำกว่าระดับ 3% โดยหากประเมินบนสสมติฐาน MEYG 3.75 และตัวแปรอื่นๆคงที่ SET มีโอกาสขึ้นไปแตะ 1670 จุดได้เช่นกัน)
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำทยอยสะสมหุ้นเมื่อ SET Index อยู่ในระดับต่ำกว่า 1610 จุด โดยเลือกหุ้นสภาพคล่องสูง (เป็นเป้าหมายของ Fund Flow) บวกกับกำไรมีแนวโน้มผ่านจุดเลวร้าย (Bottom Out) อย่าง ADVANC, AMATA, BGRIM, SNNP, JMT, STEC
A4591